คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การฟ้องคดีอาญาที่หาว่าจำเลยมีสุราผิดกฎหมายไว้ในครอบครอง ต้องกล่าวในฟ้องหรือมีข้อความพอให้เห็นว่าจำเลยรู้อยู่ว่าเป็นน้ำสุราที่ผิดกฎหมาย มิฉะนั้นศาลยกฟ้องแม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ
ความผิดฐานขนสุราโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น มุ่งฉะเพาะการขนน้ำสุราที่ชอบด้วยกฎหมายไปต่างตำบล ถ้าขนสุราผิดกฎหมายไม่เข้าอยู่ในมาตรา 11พ.ร.บ.ภาษีชั้นใน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องกล่าวว่า จำเลยปรารถนาจะขนน้ำสุราจากพระนครไปถึงจังหวัดอ่างทอง จำเลยบังอาจขนน้ำสุราไปรวม ๑๖ ลิตร ๒๕๐ เซ็นติลิตร ซึ่งเจ้าพนักงานพิศูจน์แล้วว่าเป็นน้ำสุราผิดกฎหมายโดยมิได้เสียภาษี จากพระนครไปยังบ้านจำเลยที่จังหวัดอ่าง โดยมิได้มีหนังสือแจ้งว่าจะขนถึงเจ้าพนักงาน และไม่มีใบอนุญาตขน และจำเลยไม่มีหนังสือแสดงว่าได้ซื้อมาจากผู้ที่ควรขาย จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นปรับตามพ.ร.บ.ภาษีชั้นในมาตรา ๑๑,๑๒ ๒๐ บาท โดยลดกึ่งหนึ่งแล้ว หากจำแทนให้จำแทน ๑๐ วันของกลางริบ ข้อหาฐานมีน้ำสุราผิดกฎหมายไม่ได้ความว่าจำเลยมีผิด ให้ยก
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องไม่ได้กล่าวว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นสุราผิดกฎหมายและข้อหาไม่ปรากฎว่าได้ขนย้ายข้ามเขตต์ของนายอากรชั้นใน เอาผิดแก่จำเลยไม่ได้ ให้ยกฟ้อง สุราของกลางให้ริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในข้อหาฐานมีสุราผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ. ภาษีชั้นในแก้ไขเพิ่มเติม ๒๔๗๖ มาตรา ๘ นั้น ตามฟ้องต้องกล่าวหรือมีข้อแสดงให้เห็นว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นน้ำสุราผิดกฎหมาย ซึ่งแสดงว่าจำเลยมีเจตนากระทำผิดต่อบทนั้นฟ้องคดีนี้กล่าวแต่ว่า น้ำสุราที่หาว่าจำเลยขนเป็นน้ำสุราผิดกฎหมาย ไม่ได้กล่าวหรือมีข้อความใดอันแสดงให้เห็นว่าจำเลยรู้อยู่ว่าเป็นน้ำสุราผิดกฎหมาย แม้จำเลยรับสารภาพก็ลงโทษไม่ได้ พ.ร.บ.ภาษีชั้นในแก้ไขเพิ่มเติม ๒๔๖๗ มาตรา ๔ วรรค ๓ เป็นบทสันนิษฐานเกี่ยวแก่หน้าที่นำสืบเท่านั้น ส่วนข้อหาฐานขนสุราตามมาตรา ๑๑ มุ่งถึงขนน้ำสุราที่ชอบด้วยกฎหมายไปต่างตำบล กรณีนี้เป็นเรื่องขนน้ำสุราผิดกฎหมาย จึงไม่เข้าอยู่ในบทมาตราดังกล่าว เพราะน้ำสุราผิดกฎหมายย่อมขออนุญาตขนไม่ได้
พิพากษายืน

Share