แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์ทั้งสี่อ้างว่าโจทก์ทั้งสี่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองที่ดินนั้นไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลาเกินกว่า 18 ปีนั้น เป็นการได้อสังหาริมทรัพย์มาโดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม เมื่อไม่ปรากฏว่าการโอนกรรมสิทธิ์ระหว่างจำเลยทั้งหกกระทำโดยไม่สุจริตและโจทก์ทั้งสี่ยังมิได้จดทะเบียนการได้มาต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ทั้งมิได้มีคำขอแสดงกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาท โจทก์ทั้งสี่จึงฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งหกคืนที่ดินพิพาทแก่โจทก์ทั้งสี่อันจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนไม่ได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1299 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสี่ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 6 ร่วมกันหรือแทนกันคืนที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 636 ตำบลท่าแร้ง (จรเข้บัว) อำเภอบางเขน (บางกะปิ) กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ 13 ไร่ 1 งาน 62.8 ตารางวา หากคืนไม่ได้ให้ชดใช้ราคาเป็นเงิน 67,561,200 บาท ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ร่วมกันหรือแทนกันคืนที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 204408 ตำบลท่าแร้ง (จรเข้บัว) อำเภอบางเขน (บางกะปิ) กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ 4 ไร่ 3 งาน 40.6 ตารางวา หากคืนไม่ได้ให้ชดใช้ราคาเป็นเงิน 25,074,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินทั้งสองจำนวนดังกล่าวนับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ขาดนัดยื่นให้คำให้การ
จำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6ให้การและแก้ไขคำให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ก่อนสืบพยาน ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีสามารถวินิจฉัยได้แล้ว จึงมีคำสั่งให้งดสืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยที่ 4 ถึงที่ 6 โดยกำหนดค่าทนายความให้จำเลยที่ 4 และที่ 5 จำนวน 15,000 บาท จำเลยที่ 6 จำนวน 10,000 บาท ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ทั้งสี่ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสี่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 636 ตำบลท่าแร้ง (จรเข้บัว) อำเภอบางเขน (บางกะปิ) กรุงเทพมหานคร และโฉนดเลขที่ 204408 ตำบลท่าแร้ง อำเภอบางเขน กรุงเทพมหานคร เนื้อที่รวม 18 ไร่ 1 งาน 3 ตารางวา โดยการครอบครองที่ดินพิพาททั้งสองแปลงไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลาเกินกว่า 18 ปี แต่ยังมิได้ดำเนินการแก้ไขทางทะเบียน เดิมที่ดินโฉนดเลขที่ 204408 เป็นที่ดินแปลงเดียวกับที่ดินโฉนดเลขที่ 636 ต่อมามีการแบ่งกรรมสิทธิ์ทางทะเบียนระหว่างจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 กับจำเลยที่ 4 โดยจำเลยที่ 5 แล้ว จำเลยที่ 4 โดยจำเลยที่ 5 ดำเนินการแยกโฉนดที่ดินออกเป็นโฉนดเลขที่ 204408 และจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 กับจำเลยที่ 4 โดยจำเลยที่ 5 โอนกรรมสิทธิ์ทางทะเบียนในที่ดินพิพาททั้งสองแปลงดังกล่าวตามลำดับเพื่อชำระหนี้ให้แก่จำเลยที่ 6 หลังจากนั้นจำเลยที่ 6 โอนขายที่ดินพิพาททั้งสองแปลงให้แก่บริษัทซี ไอ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด แล้วบริษัทดังกล่าวโอนที่ดินพิพาททั้งแปลงให้แก่บริษัทควอลิตี้เฮาส์ จำกัด (มหาชน) และตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์ทั้งสี่ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 6 ร่วมกันหรือแทนกันคืนที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 636 หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนแก่โจทก์ทั้งสี่ กับให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ร่วมกันหรือแทนกันคืนที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 204408 หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแก่โจทก์ทั้งสี่ เห็นว่า การที่โจทก์ทั้งสี่อ้างว่าโจทก์ทั้งสี่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาททั้งสองแปลงโดยการครอบครองที่ดินนั้นไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลาเกินกว่า 18 ปี นั้นเป็นการได้อสังหาริมทรัพย์มาโดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม เมื่อไม่ปรากฏว่าการโอนกรรมสิทธิ์ระหว่างจำเลยทั้งหกกระทำโดยไม่สุจริตและโจทก์ทั้งสี่ยังมิได้จดทะเบียนการได้มาต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ทั้งมิได้มีคำขอแสดงกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาททั้งสองแปลง โจทก์ทั้งสี่จึงฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งหกคืนที่ดินพิพาทแก่โจทก์ทั้งสี่อันจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ