คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8322/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าออกจากตึกแถวพิพาทแม้โจทก์จะกล่าวอ้างว่า ตึกแถวพิพาทอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่ต่ำกว่าเดือนละ 6,000 บาท ซึ่งหมายถึงอาจให้เช่าได้เดือนละ 6,000 บาท หรือมากกว่านี้ก็ตามแต่ศาลชั้นต้นกำหนดค่าเสียหายให้แก่โจทก์เท่ากับค่าเช่าเดือนละ 3,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โดยโจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกา ข้อเท็จจริงจึงฟังยุติว่า ตึกแถวพิพาทอาจให้เช่าในขณะยื่นคำฟ้องเดือนละ 3,000 บาท ย่อมต้องห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคสอง และ248 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 7012เนื้อที่ 11 ตารางวา เมื่อเดือนมกราคม 2533 จำเลยเช่าตึกแถวเลขที่ 152 ซึ่งปลูกสร้างบนที่ดินโฉนดเลขที่ 7012 จากโจทก์ กำหนดระยะเวลาเป็นช่วง ช่วงละประมาณ 1 ปี ติดต่อเป็นเวลาหลายปี ค่าเช่าเดือนละ 3,000 บาท โดยมิได้ทำสัญญาเช่ากัน ต่อมาโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าตึกแถวดังกล่าวอีกต่อไป โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากตึกแถวดังกล่าวหลายครั้ง แต่จำเลยก็เพิกเฉย หากโจทก์นำไปให้บุคคลเช่าจะได้ค่าเช่าไม่ต่ำกว่าเดือนละ6,000 บาท โจทก์ขอคิดค่าเสียหายเดือนละ 6,000 บาท นับแต่วันบอกเลิกสัญญาเช่า คือวันที่ 6 สิงหาคม 2539 ถึงวันฟ้องเป็นเวลา9 เดือน 6 วัน โจทก์ขอคิดเพียง 5 เดือน เป็นเงิน 30,000 บาทขอให้บังคับจำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากตึกแถวเลขที่ 152 และส่งมอบตึกแถวดังกล่าวให้แก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อยและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงิน 30,000 บาท และเดือนละ 6,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากตึกแถวดังกล่าว

จำเลยให้การว่า จำเลยเคยเช่าตึกแถวดังกล่าวจากโจทก์ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2533 ถึงเดือนสิงหาคม 2539 ค่าเช่าปีละ30,000 บาท ชำระค่าเช่าล่วงหน้าทุกปี จำเลยไม่เคยค้างชำระค่าเช่าต่อมาเดือนสิงหาคม 2539 จำเลยทำสัญญาเช่าตึกแถวดังกล่าวกับบริษัทกิตติแสงชัยแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด กำหนดระยะเวลา 1 ปีตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2539 ถึงเดือนสิงหาคม 2540 ค่าเช่าปีละ30,000 บาท ชำระค่าเช่าล่วงหน้าแล้ว จำเลยไม่เคยได้รับหนังสือบอกเลิกการเช่าจากทนายโจทก์ และโจทก์ไม่เคยบอกกล่าวให้จำเลยออกไปจากตึกแถวดังกล่าวโจทก์มิได้รับความเสียหาย ตึกแถวดังกล่าวมีสภาพเก่าทรุดโทรมมาก หากให้เช่าจะได้ค่าเช่าไม่เกินเดือนละ2,500 บาท ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากตึกแถวเลขที่ 152 และส่งมอบให้โจทก์ในสภาพเรียบร้อยและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงิน 15,000 บาท และเดือนละ3,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากตึกแถวดังกล่าว

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าออกจากตึกแถวพิพาท แม้โจทก์จะกล่าวอ้างว่า ตึกแถวพิพาทอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่ต่ำกว่าเดือนละ 6,000 บาท ซึ่งหมายถึงอาจให้เช่าได้เดือนละ 6,000 บาท หรือมากกว่านี้ก็ตาม แต่ศาลชั้นต้นกำหนดค่าเสียหายให้แก่โจทก์เท่ากับค่าเช่าเดือนละ 3,000 บาท ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน โดยโจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกาข้อเท็จจริงจึงฟังยุติว่า ตึกแถวพิพาทอาจให้เช่าในขณะยื่นคำฟ้องเดือนละ3,000 บาท ซึ่งไม่เกินเดือนละ 4,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 วรรคสอง และ 248 วรรคสอง ที่จำเลยฎีกาข้อแรกว่าโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าโดยไม่ชอบเพราะมิได้บอกกล่าวให้จำเลยรู้ตัวก่อนแต่อย่างใด โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เป็นฎีกาโต้เถียงในข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายเรื่องอำนาจฟ้องจึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาข้อนี้

จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายประการสุดท้ายว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยในข้อที่ว่าโจทก์โอนสิทธิการเช่าตึกแถวพิพาทให้แก่บริษัทกิตติแสงชัย จำกัด และจำเลยได้ทำสัญญาเช่าตึกแถวพิพาทกับบริษัทดังกล่าวแล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยเพราะโจทก์ไม่ใช่ผู้ให้เช่านั้นไม่ชอบ เห็นว่า จำเลยมิได้ยกข้อต่อสู้เป็นประเด็นไว้ในคำให้การว่าโจทก์ได้โอนสิทธิการเช่าตึกแถวพิพาทให้แก่บริษัทกิตติแสงชัยจำกัด แล้ว โดยเพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ อุทธรณ์ดังกล่าวจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2ไม่รับวินิจฉัยปัญหานี้ให้จึงชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share