แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์และจำเลยต่างถือเอาราคาตามที่ปรากฏในบัญชีราคาสินค้ามาเป็นเกณฑ์เพื่อประเมินราคาสินค้าพิพาท โดยโจทก์ถือตามบัญชีราคาสินค้าเก่า จำเลยถือตามบัญชีราคาสินค้าใหม่ ย่อมเท่ากับต่างยอมรับว่า ราคาตามบัญชีราคาสินค้าเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดการที่โจทก์สั่งซื้อสินค้าพิพาทเข้ามาโดยโจทก์ต้องชำระราคาตามบัญชีราคาสินค้าใหม่ ซึ่งบริษัทผู้ขายในต่างประเทศได้แสดงไว้แล้วว่าบัญชีราคาสินค้าดังกล่าวมีผลใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2531โจทก์นำสินค้าเข้ามาเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2531 โดยสำแดงราคาตามบัญชีราคาสินค้าใหม่อันมีผลใช้บังคับแล้วดังนี้ ย่อมต้องถือว่าราคาตามราคาสินค้าใหม่เป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินราคาสินค้าพิพาท การที่จำเลยเพิ่งอนุมัติให้ใช้บัญชีราคาสินค้าใหม่ภายหลังโจทก์นำสินค้าเข้ามาแล้ว ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงราคาอันแท้จริงในท้องตลาด อันต้องถือเป็นเกณฑ์ในการประเมินราคา.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมิน จำเลยให้การว่าการประเมินชอบแล้ว
ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้เพิกถอนการประเมินคำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีมีประเด็นขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะการนำสินค้าเข้าเที่ยวที่ 3ตามใบขนสินค้าขาเข้าเลขที่ 051-50265 เอกสารหมาย ล.1 แผ่นที่ 5ฉบับเดียวว่า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ข้อเท็จจริงตามที่คู่ความรับกันและที่โจทก์นำสืบโดยจำเลยมิได้นำสืบโต้แย้งเป็นอย่างอื่น ฟังได้ในเบื้องต้นว่าโจทก์เป็นผู้นำเข้าสินค้าตามใบขนสินค้าที่พิพาทในคดีนี้โดยเป็นตัวแทนสั่งสินค้าจากบริษัทคอมโพเนนท์ (ตะวันออก) จำกัด ณเมืองฮ่องกง เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยแต่ผู้เดียว และก่อนหน้าการนำสินค้าที่พิพาทกันในคดีนี้เข้ามาก็มีการนำสินค้าชนิดเดียวกันนี้เข้ามาโดยจำเลยถือเอาราคาตามบัญชีราคาสินค้าของผู้ขายในต่างประเทศ ตามเอกสารหมาย ล.2 แผ่นที่ 1 ถึงแผ่นที่ 58เป็นเกณฑ์ในการประเมินราคาเพื่อเรียกเก็บภาษีอากรจากโจทก์ต่อมาก่อนการนำเข้าสินค้าพิพาทเที่ยวที่ 3 ตามใบขนสินค้าเลขที่ 051-50265 โจทก์ได้ยื่นบัญชีราคาสินค้าฉบับใหม่ตามเอกสารหมาย ล.2 แผ่นที่ 59 ถึงแผ่นที่ 148 ซึ่งบริษัทผู้ขายสินค้าในต่างประเทศส่งมาให้ เพื่อให้จำเลยใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินเรียกเก็บภาษีจากโจทก์ ปรากฏตามหนังสือของโจทก์มีถึงจำเลยส่งบัญชีราคาสินค้าดังกล่าวและกองพิธีการและประเมินอากรรับไว้เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2531 ต่อมาวันที่ 22 เมษายน 2531 โจทก์จึงยื่นใบขนสินค้าขาเข้าเลขที่ 051-50265 นำสินค้าพิพาทเที่ยวที่ 3เข้ามาโดยสำแดงราคาสินค้าตามบัญชีราคาสินค้าใหม่ดังกล่าวแล้วซึ่งราคาดังกล่าวต่ำกว่าราคาตามบัญชีราคาสินค้าเก่า เป็นเหตุให้จำเลยประเมินราคาเพื่อเรียกเก็บภาษีอากรเพิ่มขึ้นโดยอาศัยบัญชีราคาสินค้าเก่า ปัญหาจึงมีว่าจะถือเอาราคาตามบัญชีราคาสินค้าเก่าหรือบัญชีราคาสินค้าใหม่เป็นเกณฑ์เพื่อประเมินราคาสินค้าพิพาทเห็นว่าเมื่อโจทก์และจำเลยต่างถือเอาราคาตามที่ปรากฏในบัญชีราคาสินค้ามาเป็นเกณฑ์เพื่อประเมินราคาสินค้าพิพาท ย่อมเท่ากับต่างยอมรับว่า ราคาตามบัญชีราคาสินค้าเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดฉะนั้นการที่โจทก์สั่งซื้อสินค้าพิพาทเข้ามาโดยโจทก์ต้องชำระราคาตามบัญชีราคาสินค้าใหม่ ซึ่งบริษัทผู้ขายในต่างประเทศได้แสดงไว้แล้วว่าบัญชีราคาสินค้าดังกล่าวมีผลใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน2531 โจทก์นำสินค้าเข้าเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2531 โดยสำแดงราคาตามบัญชีราคาสินค้าใหม่อันมีผลใช้บังคับแล้วดังกล่าว ย่อมต้องถือว่าราคาตามบัญชีราคาสินค้าใหม่เป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินราคาสินค้าพิพาทที่จำเลยนำสืบอ้างว่าบัญชีราคาสินค้าใหม่ จำเลยเพิ่งอนุมัติให้ใช้ภายหลังโจทก์นำสินค้าเข้ามาแล้ว โดยอนุมัติเมื่อวันที่ 15มิถุนายน 2531 และให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 2531จึงไม่มีผลแก่ราคาสินค้าที่โจทก์นำเข้าก่อนหน้านี้ นั้น เห็นว่าเมื่อจำเลยถือเอาบัญชีราคาสินค้าเป็นเกณฑ์ประเมินราคาสินค้าพิพาทซึ่งเท่ากับยอมรับว่าราคาตามบัญชีราคาสินค้าเป็นเกณฑ์สำหรับประเมินราคาอันแท้จริงในท้องตลาดดังที่ได้วินิจฉัยมาแล้วข้างต้นการอนุมัติให้ใช้ภายหลังการนำสินค้าเข้าจึงไม่มีผลเปลี่ยนแปลงราคาอันแท้จริงในท้องตลาด อันต้องถือเป็นเกณฑ์ในการประเมินราคาการที่เจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยประเมินให้โจทก์เสียภาษีอากรเพิ่มโดยประเมินราคาสินค้าพิพาทที่โจทก์นำเข้าในเที่ยวที่ 3 สูงกว่าราคาอันแท้จริงในท้องตลาดจึงเป็นการไม่ชอบ…”
พิพากษายืน.