คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3793/2550

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องอ้างว่าผู้คัดค้านมีสิทธิอยู่กึ่งหนึ่งของทรัพย์ที่โจทก์นำยึดไว้ในคดีนี้ เนื่องจากผู้คัดค้านเป็นเจ้าของรวมในที่ดินดังกล่าวร่วมกับจำเลย ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้จำนองของผู้คัดค้านย่อมมีสิทธิขอรับชำระหนี้จำนองในกึ่งหนึ่งของทรัพย์ดังกล่าวได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 287 แม้ผู้คัดค้านจะไม่ได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีนี้ด้วย แต่ก็ไม่เป็นเหตุขัดข้องที่ผู้ร้องในฐานะเป็นบุคคลภายนอกจะใช้สิทธิของเจ้าหนี้จำนองซึ่งถือว่าเป็นบุริมสิทธิหรือสิทธิอื่น ๆ ที่อาจร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินนั้นได้ตามกฎหมายเพื่อรับชำระหนี้จำนองในกึ่งหนึ่งของทรัพย์ที่โจทก์นำยึดไว้ในคดีนี้ได้
ตามคำร้องของผู้ร้องอ้างว่าผู้คัดค้านมีสิทธิอยู่กึ่งหนึ่งของทรัพย์ที่โจทก์นำยึดไว้ในคดีนี้ ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้ผู้รับจำนองของผู้คัดค้านจึงขอใช้สิทธิตาม ป.วิ.พ. มาตรา 287 เห็นได้ว่าผู้ร้องตั้งเรื่องมาในคำร้องและระบุท้ายคำร้องชัดเจนว่าเป็นการขอใช้สิทธิตามมาตรา 287 เพื่อขอรับชำระหนี้จำนองในกึ่งหนึ่งของทรัพย์ดังกล่าว ซึ่งสิทธิของผู้ร้องในคดีนี้ถือได้ว่าเป็นบุริมสิทธิหรือสิทธิอื่น ๆ ที่อาจร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์นั้นได้ตามมาตรา 287 กรณีจึงไม่อยู่ในบังคับตามกำหนดเวลาของมาตรา 289 วรรคสอง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยชำระเงินจำนวน 581,250 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 500,000 บาท นับจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2540) ไปจนกว่าชำระเสร็จ โดยการผ่อนชำระ ต่อมาจำเลยไม่ชำระหนี้ โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 20589 ตำบลหนองอ้อ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ของจำเลยเพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษา ต่อมาวันที่ 22 พฤษภาคม 2541 ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยกับนางวไลพร ผู้คัดค้าน ต่อศาลจังหวัดราชบุรี คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 300/2540 และเป็นผู้รับจำนองที่ดินแปลงที่โจทก์นำยึดเพื่อบังคับคดี โดยผู้ร้องยินยอมให้ขายทอดตลาดโดยปลอดจำนองและขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่นในหนี้สินที่จำเลยค้างชำระตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 ศาลชั้นต้นอนุญาต
ผู้ร้องยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2545 ว่า เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2545 เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์จำนองโดยผู้ร้องเป็นผู้ซื้อทรัพย์ได้ในราคา 4,725,000 บาท ผู้ร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่นในเงินที่ขายทอดตลาดทรัพย์ได้เฉพาะส่วนของผู้คัดค้านกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีไม่จำเป็นต้องไต่สวนเพราะผู้คัดค้านมิได้ถูกโจทก์ฟ้องในคดีนี้ ผู้ร้องจะยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองส่วนของผู้คัดค้านเข้ามาในคดีนี้ไม่ได้ จึงให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จำนองในกึ่งหนึ่งของทรัพย์ที่โจทก์นำยึดไว้ในคดีนี้ ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาประการแรกต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านว่า ผู้คัดค้านมิได้ถูกโจทก์ฟ้องในคดีนี้ ผู้ร้องจะมีสิทธิยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองในกึ่งหนึ่งของทรัพย์ที่โจทก์นำยึดไว้ในคดีนี้ได้หรือไม่ เห็นว่า ตามคำร้องของผู้ร้องลงวันที่ 7 ตุลาคม 2545 และสำเนาหนังสือสัญญาจำนองที่ดินเป็นประกันท้ายคำร้อง ผู้ร้องอ้างว่าผู้คัดค้านมีสิทธิอยู่กึ่งหนึ่งของทรัพย์ที่โจทก์นำยึดไว้ในคดีนี้ เนื่องจากผู้คัดค้านเป็นเจ้าของรวมในที่ดินดังกล่าวร่วมกับจำเลย ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้จำนองของผู้คัดค้านย่อมมีสิทธิขอรับชำระหนี้จำนองในกึ่งหนึ่งของทรัพย์ดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 แม้ผู้คัดค้านจะไม่ได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีนี้ด้วย แต่ก็ไม่เป็นเหตุขัดข้องที่ผู้ร้องในฐานะเป็นบุคคลภายนอกจะใช้สิทธิของเจ้าหนี้จำนองซึ่งถือว่าเป็นบุริมสิทธิหรือสิทธิอื่น ๆ ที่อาจร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินนั้นได้ตามกฎหมายเพื่อรับชำระหนี้จำนองในกึ่งหนึ่งของทรัพย์ที่โจทก์นำยึดไว้ในคดีนี้ได้ ฎีกาของผู้คัดค้านในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
คดีมีปัญหาประการที่สองต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องเมื่อขายทอดตลาดทรัพย์จำนองได้แล้ว จึงเป็นการยื่นคำร้องเกินกำหนดระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 วรรคสอง หรือไม่ เห็นว่า ตามคำร้องของผู้ร้อง ผู้ร้องอ้างว่าผู้คัดค้านมีสิทธิอยู่กึ่งหนึ่งของทรัพย์ที่โจทก์นำยึดไว้ในคดีนี้ ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้ผู้รับจำนองของผู้คัดค้านจึงขอใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 จากคำร้องดังกล่าวย่อมเห็นได้ว่า ผู้ร้องตั้งเรื่องมาในคำร้องและระบุท้ายคำร้องชัดเจนว่าเป็นการขอใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 เพื่อขอรับชำระหนี้จำนองในกึ่งหนึ่งของทรัพย์ดังกล่าว ซึ่งสิทธิของผู้ร้องในคดีนี้ถือได้ว่าเป็นบุริมสิทธิหรือสิทธิอื่น ๆ ที่อาจร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์นั้นได้ตามมาตรา 287 ดังที่ได้วินิจฉัยแล้ว โดยมิได้อ้างสิทธิตามมาตรา 289 โดยตรง กรณีจึงไม่อยู่ในบังคับตามกำหนดเวลาของมาตรา 289 วรรคสอง ฎีกาของผู้คัดค้านในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จำนองในกึ่งหนึ่งของทรัพย์ที่โจทก์นำยึดไว้ในคดีนี้นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share