แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
จำเลยว่าจ้างโจทก์ให้จัดหาอุปกรณ์สำหรับปรับปรุงคุณภาพน้ำในระบบหล่อเย็นของบริษัท บ. เพื่อที่จำเลยจะจัดส่งให้แก่บริษัท บ. ที่ตกลงซื้อวัสดุอุปกรณ์สำหรับปรับปรุงคุณภาพน้ำในระบบหล่อเย็นจากจำเลยเพื่อใช้ในโรงงานของบริษัทดังกล่าว โดยจำเลยตกลงจ่ายค่าจ้างให้โจทก์ โจทก์ส่งมอบอุปกรณ์ตามสัญญาครบถ้วนแล้ว แต่จำเลยยังคงค้างชำระหนี้แก่โจทก์อยู่อีกบางส่วน โจทก์จึงนำมาฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้ส่วนที่ค้างชำระตามสัญญา ย่อมถือได้ว่าเป็นการที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ประกอบการค้าหรืออุตสาหกรรมใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยใช้ค่าของที่ส่งมอบและ/หรือค่าการงานที่ได้ทำ อีกทั้งการที่จำเลยนำอุปกรณ์ที่โจทก์ส่งมอบไปขายต่อให้แก่บริษัท บ. ถือได้ว่าจำเลยซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ จากโจทก์เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจของจำเลยอีกต่อหนึ่ง มิได้เป็นการที่ได้ทำเพื่อกิจการของฝ่ายลูกหนี้นั้นเอง จึงเป็นกรณีตกอยู่ในบังคับ ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (5) ประกอบมาตรา 193/34 (1) สิทธิเรียกร้องตามคำฟ้องของโจทก์จึงมีอายุความ 5 ปี มิใช่อายุความ 2 ปีตามมาตรา 193/34 (1)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 6,170,030.39 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 5,261,825 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้องและฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ชำระเงินจำนวน 315,988.34 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 274,722.48 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย
โจทก์ให้การ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 6,170,030.39 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินจำนวน 5,261,825 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 7 มีนาคม 2544) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้ยกฟ้องแย้ง
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติในเบื้องต้นโดยคู่ความไม่ได้โต้แย้งในชั้นนี้ว่า จำเลยว่าจ้างโจทก์ให้จัดหาอุปกรณ์สำหรับปรับปรุงคุณภาพน้ำในระบบหล่อน้ำเย็นของบริษัทบีเอสไอ เหล็กก่อสร้าง จำกัด เพื่อที่จำเลยจะจัดส่งให้แก่บริษัทบีเอสไอ เหล็กก่อสร้าง จำกัด ที่ตกลงซื้อวัสดุอุปกรณ์สำหรับใช้ในระบบปรับปรุงคุณภาพระบบน้ำหล่อเย็นจากจำเลย เพื่อใช้ในโรงงานของบริษัทดังกล่าวที่จังหวัดนครราชสีมา โดยจำเลยตกลงจ่ายค่าจ้างให้โจทก์เป็นเงินจำนวน 14,747,500 บาท ในการจ่ายค่าจ้างแบ่งชำระเป็น 4 งวด ตามสัญญาจัดหาอุปกรณ์นำเข้าสำหรับระบบปรับปรุงคุณภาพในระบบหล่อเย็นของบริษัทบีเอสไอ เหล็กก่อสร้าง จำกัด เอกสารหมายเลข จ.6 โจทก์ได้ดำเนินการส่งมอบอุปกรณ์ตามสัญญาครบถ้วนแล้ว จำเลยได้จ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์บางส่วน ส่วนที่จำเลยยังไม่ชำระเป็นเงินจำนวน 5,261,825 บาท มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยข้อแรกว่า สิทธิเรียกร้องในเงินค่าจ้างส่วนที่จำเลยยังไม่ชำระนั้นขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 บัญญัติว่า “สิทธิเรียกร้องดังต่อไปนี้ให้มีกำหนดอายุความสองปี (1) ผู้ประกอบการค้าหรืออุตสาหกรรม ผู้ประกอบหัตถกรรม ผู้ประกอบศิลปอุตสาหกรรมหรือช่างฝีมือ เรียกเอาค่าของที่ได้ส่งมอบ ค่าการงานที่ได้ทำหรือค่าดูแลกิจการของผู้อื่น รวมทั้งเงินที่ได้ออกทดรองไป เว้นแต่เป็นการที่ได้ทำเพื่อกิจการของฝ่ายลูกหนี้นั้นเอง…” และมาตรา 193/33 บัญญัติว่า “สิทธิเรียกร้องดังต่อไปนี้ให้มีอายุความห้าปี (1)…(5) สิทธิเรียกร้องตามมาตรา 193/34 (1) (2) และ (5) ที่ไม่อยู่ในบังคับอายุความสองปี” คดีนี้ข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบกิจการเป็นที่ปรึกษารับเหมาออกแบบและก่อสร้างระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำ จัดหาจำหน่ายวัสดุและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ฟ้องเรียกร้องให้บังคับจำเลยชำระหนี้ค่าจ้างส่วนที่ค้างชำระตามสัญญาจัดหาอุปกรณ์นำเข้าสำหรับระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำในระบบหล่อเย็นของบริษัทบีเอสไอ เหล็กก่อสร้าง จำกัด ระหว่างโจทก์กับจำเลยตามเอกสารหมาย จ.6 ซึ่งตามสัญญาดังกล่าว เงินค่าจ้างที่จำเลยต้องชำระให้แก่โจทก์นั้น เป็นค่าอุปกรณ์ เครื่องมือ การจัดหาบุคลากรด้านการกำกับดูแลและการจัดการการช่าง การธุรการ การร่วมออกแบบกับจำเลย รวมทั้งค่าขนส่งและค่าประกันภัย ซึ่งจำเลยได้นำวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ ที่โจทก์จัดส่งให้ไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของงานที่เกี่ยวเนื่องกับระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำในระบบน้ำหล่อเย็นของโรงงานบริษัทบีเอสไอ เหล็กก่อสร้าง จำกัด ที่จังหวัดนครราชสีมา ที่บริษัทดังกล่าวสั่งซื้อวัสดุและอุปกรณ์จากจำเลยตามสัญญาจัดซื้อวัสดุและอุปกรณ์ระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำในระบบหล่อเย็นระหว่างจำเลยกับบริษัทบีเอสไอ เหล็กก่อสร้าง จำกัด เอกสารหมาย จ.7 ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยตามเอกสารหมาย จ.6 ย่อมถือได้ว่าเป็นการที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ประกอบการค้าหรืออุตสาหกรรมใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยใช้ค่าของที่ส่งมอบและ/หรือค่าการงานที่ได้ทำ โดยจำเลยนำอุปกรณ์ที่โจทก์ส่งมอบตามสัญญาเอกสารหมาย จ.6 ขายต่อให้แก่บริษัทบีเอสไอ เหล็กก่อสร้าง จำกัด ตามสัญญาเอกสารหมาย จ.7 ถือได้ว่าจำเลยซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ จากโจทก์เพื่อใช้ประกอบธุรกิจของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ต่อไปนี้อีกต่อหนึ่งจึงเป็นกรณีตกอยู่ในบังคับมาตรา 193/33 (5) ประกอบมาตรา 193/34 (1) สิทธิเรียกร้องตามคำฟ้องของโจทก์จึงมีอายุความ 5 ปี มิใช่อายุความ 2 ปีตามที่จำเลยให้การต่อสู้คดี ดังนั้น แม้จะให้ฟังว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์ในเงินแต่ละส่วนที่จำเลยยังไม่ชำระจะเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2539 วันที่ 2 มกราคม 2540 วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2540 และวันที่ 18 พฤศจิกายน 2541 ทั้งอายุความไม่ได้สะดุดหยุดลงตามที่จำเลยอุทธรณ์ก็ตาม แต่เมื่อนับจากวันดังกล่าวถึงวันที่โจทก์ยื่นคำฟ้องคดีนี้คือวันที่ 7 มีนาคม 2544 แล้วก็ยังไม่ล่วงพ้นกำหนดอายุความ 5 ปี สิทธิเรียกร้องในเงินค่าจ้างแต่ละส่วนที่จำเลยยังไม่ชำระตามคำฟ้องของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่าสิทธิเรียกร้องตามคำฟ้องของโจทก์ไม่ขาดอายุความนั้น ศาลฎีกาแผนกทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น…”
พิพากษายืน