คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3793/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การที่ ส. ทำหนังสือยินยอมให้กองคลัง สำนักพระราชวังหักเงินเดือนของตนส่งชดใช้หนี้ให้แก่จำเลย มีผลเท่ากับ ส.มอบอำนาจให้จำเลยรับเงินเดือนแทนตนเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการโอนสิทธิเรียกร้องให้แก่จำเลย เพราะสิทธิที่จะรับเงินเดือนของข้าราชการนั้นโอนกันไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมจะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินตามหนังสือดังกล่าวไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจาก ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์เป็นเงิน 1,070,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียม ต่อมาจำเลยไม่ยอมชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าวโจทก์ขอให้บังคับคดี ระหว่างการบังคับคดีโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดวิธีการให้เจ้าพนักงานบังคับคดีออกหมายอายัดเงินของจำเลยโดยโจทก์สืบทราบมาว่า จำเลยเป็นเจ้าหนี้นางสุจริต มนัสวันต์ ซึ่งรับราชการตำแหน่งพนักงานตรี แผนกรักษาพระราชฐานชั้นใน กองวังสำนักพระราชวังและนางสุจริตได้ทำหนังสือยินยอมให้กองคลังสำนักพระราชวังหักเงินเดือนของตนส่งชดใช้หนี้ให้แก่จำเลย โดยผู้บังคับบัญชาของนางสุจริตได้มีคำสั่งอนุมัติแล้ว ยังคงเหลือเงินที่จำเลยมีสิทธิได้รับอีก32,800 บาท ซึ่งแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ที่หักไว้แล้ว 4,800 บาทและจะต้องหักไว้ทุก ๆ เดือน เดือนละ 1,200 บาท จนครบ 28,000 บาทโจทก์ได้เคยยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีให้อายัดสิทธิเรียกร้องของจำเลยแล้วแต่ถูกยกคำร้อง ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดี และให้เจ้าพนักงานบังคับคดีออกหมายอายัดเงินจำนวนดังกล่าว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาว่าเงินเดือนของนางสุจริต มนัสวันต์ ที่กองคลังสำนักพระราชวังหักไว้แล้วและที่จะต้องหักไว้ชำระหนี้ให้แก่จำเลยโจทก์จะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดไว้ได้หรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่นางสุจริตทำหนังสือยินยอมให้กองคลังสำนักพระราชวัง หักเงินเดือนของตนส่งชดใช้หนี้ให้แก่จำเลยนั้นมีผลเท่ากับนางสุจริตมอบอำนาจให้จำเลยรับเงินเดือนแทนตนเท่านั้นไม่ใช่เป็นการโอนสิทธิเรียกร้องให้แก่จำเลยเพราะสิทธิที่จะรับเงินเดือนของข้าราชการนั้นโอนกันไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้โจทก์ย่อมจะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินตามหนังสือดังกล่าวไม่ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองให้ยกคำร้องของโจทก์จึงชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share