คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3789/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจศาลจังหวัดศรีสะเกษ แต่โจทก์ยื่นคำฟ้องให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ยืมพร้อมกับยื่นคำร้องขออนุญาต ยื่นคำฟ้องต่อศาลจังหวัดอุบลราชธานีซึ่งเป็นศาลที่มูลคดีเกิด ศาลจังหวัดอุบลราชธานีมีสั่งคำร้องนี้ว่า’รวม’ และรับคำฟ้อง ของโจทก์ไว้พิจารณา ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลย เพื่อแก้คดีและดำเนินกระบวนพิจารณาต่อมาจนกระทั่งเสร็จการพิจารณา ถือว่าศาลจังหวัดอุบลราชธานีได้ใช้ดุลพินิจอนุญาตให้โจทก์ยื่นคำฟ้อง ต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา4(2) ศาลจังหวัดอุบลราชธานีจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้ยืมเงินจากโจทก์ 10,000 บาท ครบกำหนดแล้วจำเลยไม่ชำระ ขอให้พิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 10,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ไม่เคยกู้ยืมเงินจากโจทก์ จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจศาลจังหวัดศรีสะเกษ แต่โจทก์ยื่นคำฟ้องที่ศาลจังหวัดอุบลราชธานี เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้เงินที่กู้ยืมไปจากโจทก์พร้อมดอกเบี้ย จึงเป็นคดีเกี่ยวด้วยหนี้เหนือบุคคลซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) โจทก์จะต้องยื่นคำฟ้องต่อศาลจังหวัดศรีสะเกษเพราะจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลนั้น แต่โจทก์ยื่นคำฟ้องต่อศาลจังหวัดอุบลราชธานีโดยยื่นคำร้องมาพร้อมคำฟ้องว่าคดีนี้มูลคดีเกิดที่จังหวัดอุบลราชธานี พยานบุคคลที่โจทก์จะนำสืบก็อยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี หากได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลดังกล่าวก็จะเป็นการสะดวก คำร้องดังกล่าวเป็นคำร้องขออนุญาตยื่นคำฟ้องต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2)ศาลที่โจทก์ยื่นคำร้องมีอำนาจที่จะใช้ดุลพินิจอนุญาตตามที่ขอหรือไม่ก็ได้ปรากฏว่าศาลชั้นต้นสั่งคำร้องมีว่า “รวม” แต่ก็ได้รับคำฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยเพื่อแก้คดีและดำเนินกระบวนพิจารณาต่อมาจนกระทั่งเสร็จการพิจารณา ถือได้ว่าศาลชั้นต้นได้ใช้ดุลพินิจอนุญาตให้โจทก์ยื่นคำฟ้องต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลดังกล่าว ดังนั้นศาลชั้นต้น(ศาลจังหวัดอุบลราชธานี) จึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้
พิพากษายืน

Share