คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3776/2537

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ธนาคารจำเลยได้จ่ายเงินตามเช็คซึ่งลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายปลอมไปเหตุแห่งความเสียหายเกิดจากการปลอมลายมือชื่อโจทก์ผู้สั่งจ่ายเช็คและจำเลยจ่ายเงินตามเช็คปลอมฉบับนั้น แม้การเก็บรักษาสมุดเช็คไว้อย่างดี ผู้ร้ายจะหาโอกาสสลักเช็คไปปลอมลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายได้ยากก็ตาม แต่ความเสียหายเกิดจากการกระทำของผู้อื่นที่ปลอมเช็ค การเก็บรักษาสมุดเช็คไว้อย่างดี จึงไม่ใช่ผลโดยตรงที่จะให้บังเกิดการปลอมเช็คและนำไปขึ้นเงินได้สำเร็จ โจทก์เก็บสมุดเช็คไว้ในกระป๋องขนมปังบนโต๊ะทำงานของโจทก์ ซึ่งโจทก์และพนักงานใช้เป็นที่ทำงาน มีคนเข้าออกภายในห้องหลายคน ส่วนใหญ่พนักงานทุกคนทราบก็เป็นเพียงแต่ขาดความรอบคอบในการเก็บรักษาสมุดเช็คเท่านั้น ถือไม่ได้ว่าโจทก์กระทำโดยประมาทอันจะถือว่าเป็นผู้ต้องตัดบทมิให้ยกข้อลายมือชื่อปลอมขึ้นต่อสู้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1008 และแม้โจทก์มิได้แจ้งให้จำเลยทราบเมื่อเช็คเกิดสูญหายและมีผู้ไม่สุจริตไปปลอมลายมือชื่อผู้สั่งจ่าย แต่เมื่อโจทก์มิได้กระทำโดยประมาท จำเลยจึงยังต้องรับผิดชำระเงินให้โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองได้เปิดบัญชีเงินฝากประเภทกระแสรายวันกับจำเลย สาขาลาดหญ้า การถอนเงินโจทก์ที่ 1และหรือโจทก์ที่ 2 จะสั่งจ่ายเช็คที่จำเลยมอบให้ เมื่อวันที่27 มีนาคม 2530 จำเลยได้จ่ายเงินตามเช็คจำนวน 200,000 บาทออกจากบัญชีกระแสรายวันของโจทก์ทั้งสอง โดยโจทก์ทั้งสองมิได้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายในเช็ค และจำเลยรู้หรือควรรู้ว่าลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คเป็นลายมือชื่อปลอม หรือมิฉะนั้นจำเลยก็จ่ายไปโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ขอให้บังคับจำเลยชดใช้เงินจำนวน200,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ได้มีผู้นำเช็คพิพาทมาเบิกเงินสดจากจำเลยสาขาลาดหญ้า พนักงานสาขาดังกล่าวตรวจแล้วเห็นว่าเป็นเช็คที่จำเลยมอบให้โจทก์ทั้งสองใช้สั่งจ่ายเงินจากบัญชีเงินฝากของโจทก์ทั้งสอง ลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คพิพาทเหมือนกับตัวอย่างลายมือชื่อของโจทก์ที่ 1 ที่ให้ไว้ และไม่ปรากฏว่าโจทก์ทั้งสองได้แจ้งอายัดเช็คพิพาทหรือแจ้งว่าเช็คสูญหายตามข้อตกลงที่ให้ไว้พนักงานของจำเลยจึงได้จ่ายเงินตามเช็คพิพาทไปโดยสุจริตจำเลยจึงมีสิทธิหักเงินจากบัญชีเงินฝากของโจทก์ทั้งสองได้หากลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คพิพาทปลอมก็เป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของโจทก์ทั้งสองที่ปล่อยให้เช็คพิพาทสูญหายหรือถูกลักเอาไปเป็นเหตุให้บุคคลอื่นนำไปปลอมลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายแล้วนำมาเบิกเงินจากจำเลย หรือโจทก์ทั้งสองโดยเจตนาทุจริตมอบเช็คพิพาทให้บุคคลอื่นทำการปลอมลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายแล้วนำมาเบิกเงินจากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก โจทก์ทั้งสองและจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงิน 200,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ให้ต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อปี 2522โจทก์ที่ 2 ได้เปิดบัญชีเงินฝากประเภทกระแสรายวันเลขที่ 891กับจำเลย สาขาลาดหญ้า ต่อมาในปี 2527 โจทก์ที่ 2 ได้ยินยอมให้โจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในบัญชีเงินฝากของโจทก์ที่ 2 โดยคนใดคนหนึ่งมีอำนาจสั่งจ่ายเงินในบัญชีได้โจทก์ทั้งสองได้ให้ตัวอย่างลายมือชื่อไว้แก่จำเลย จำเลยได้มอบเช็คให้โจทก์ทั้งสองเพื่อใช้สั่งจ่ายเงินโดยมีข้อตกลงในคำขอเปิดบัญชีเงินฝากว่า ถ้าเช็คหายผู้ฝากจะต้องมีหนังสือแจ้งให้จำเลยทราบหากไม่แจ้งและมีผู้นำไปปลอมลายมือชื่อสั่งจ่ายเงิน จำเลยไม่ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2530มีผู้นำเช็คที่จำเลยมอบไว้แก่โจทก์ทั้งสอง สั่งจ่ายเงิน 200,000 บาทโดยปลอมลายมือชื่อโจทก์ที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่ายมาเบิกเงินที่จำเลยสาขาลาดหญ้า จำเลยได้จ่ายเงินไปตามเช็คดังกล่าว
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง จึงมีปัญหาที่ข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า โจทก์ที่ 1 ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้บังเกิดการปลอมลายมือชื่อสั่งจ่ายในเช็คพิพาทโจทก์ทั้งสองจึงเป็นผู้ต้องตัดบท มิให้ยกข้อลายมือปลอมขึ้นเป็นข้อต่อสู้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1008 และโจทก์ทั้งสองมิได้แจ้งให้จำเลยทราบ เมื่อเช็คพิพาทเกิดสูญหายและมีผู้ไม่สุจริตนำไปปลอมลายมือชื่อผู้สั่งจ่าย จำเลยไม่ต้องรับผิดชำระเงินให้แก่โจทก์ทั้งสองตามสัญญาข้อ 3 ที่ตกลงกันไว้หรือไม่นั้นเห็นว่า ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามศาลชั้นต้นโดยที่คู่ความมิได้อุทธรณ์ว่า จำเลยได้จ่ายเงินตามเช็คพิพาทซึ่งลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายปลอม ดังนี้เหตุแห่งความเสียหายในเรื่องนี้บังเกิดจากการปลอมลายมือชื่อโจทก์ที่ 1 ผู้สั่งจ่ายเช็คและจำเลยจ่ายเงินตามเช็คปลอมฉบับนั้น แม้การเก็บรักษาสมุดเช็คไว้อย่างดีผู้ร้ายจะหาโอกาสสลักเช็คไปปลอมลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายได้ยากก็ตามแต่ความเสียหายคดีนี้เกิดจากการกระทำของผู้อื่นที่ปลอมเช็คการเก็บรักษาสมุดเช็คไว้อย่างดี จึงไม่ใช่ผลโดยตรงที่จะให้บังเกิดการปลอมเช็คและนำไปขึ้นเงินได้สำเร็จ เทียบตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 131/2496 ระหว่าง กรมรถไฟ โจทก์ หลวงวิธานยนตรกรรมกับพวก จำเลย แม้จะฟังข้อเท็จจริงตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นตามที่จำเลยฎีกามาว่าโจทก์ที่ 1 เก็บสมุดเช็คพิพาทไว้ในกระป๋องขนมปังบนโต๊ะทำงานของโจทก์ที่ 1 ซึ่งโจทก์ที่ 1 และพนักงานใช้เป็นที่ทำงานของห้างหุ้นส่วน มีคนเข้าออกภายในห้องหลายคนส่วนใหญ่พนักงานทุกคนทราบว่าโจทก์ที่ 1 เก็บเช็คไว้ในกระป๋องดังกล่าวก็ตาม การกระทำของโจทก์ที่ 1 เพียงแต่ขาดความรอบคอบในการเก็บรักษาสมุดเช็คเท่านั้น ถือไม่ได้ว่าโจทก์ที่ 1 กระทำโดยประมาทอันจะถือว่าโจทก์ทั้งสองเป็นผู้ต้องตัดบทมิให้ยกข้อลายมือชื่อปลอมขึ้นต่อสู้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1008และแม้โจทก์มิได้แจ้งให้จำเลยทราบเมื่อเช็คเกิดสูญหายและมีผู้ไม่สุจริตนำไปปลอมลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายตามที่จำเลยฎีกาก็ตามแต่เมื่อโจทก์ที่ 1 มิได้กระทำโดยประมาทดังได้วินิจฉัยมาแล้วดังนั้น จำเลยจึงยังต้องรับผิดชำระเงินให้โจทก์ทั้งสองตามฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share