คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3775/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผลิตภัณฑ์สินค้าของโจทก์เป็นแผ่น พี.วี.ซี หรือแผ่นพลาสติกนิ่มมีความเหนียวแน่นทนทาน กว้าง 2 เมตร ยาว 20-30 เมตร หนา1-1.5 มิลลิเมตร โจทก์ผลิตขึ้นด้วยความประสงค์เพื่อให้ผู้ใช้สินค้านำไปใช้ประโยชน์เป็นวัสดุสำหรับปูพื้นอาคารและปิดผนังอาคารโดยเฉพาะการที่มีผู้นำไปใช้ประกอบเป็นสินค้า เช่น รองเท้า กระเป๋าที่รองจานเป็นเพียงผลพลอยได้ที่นอกเหนือจากความประสงค์ของโจทก์สินค้าของโจทก์จึงจัดเป็นวัตถุก่อสร้างและเครื่องเรือนเข้าลักษณะสิ่งปูลาดตามความหมายในหมวด 4(7) บัญชีที่ 1 ท้ายพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า (ฉบับที่ 54) พ.ศ. 2517 ซึ่งมิได้รับการลดหย่อนภาษีการค้า ต้องเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 9 ของรายรับตามบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภทการค้า 1. การขายของชนิด 1(ก) ในประมวลรัษฎากร ไม่อาจจัดเป็นสินค้าพลาสติกเป็นผืนประเภท ผ้า เครื่องหนัง เครื่องประดับหรือเครื่องแต่งกาย และอุปกรณ์เครื่องแต่งกายในหมวด 2(2) ซึ่งต้องเสียภาษีการค้าเพียงอัตราร้อยละ 7 ของรายรับ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยได้ประเมินภาษีการค้าโจทก์ รวมเป็นเงิน 1,746,635 บาท โดยอ้างว่าโจทก์เสียภาษีการค้าไว้ผิดอัตรา การประเมินดังกล่าวไม่ถูกต้อง โจทก์จึงยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยลดเบี้ยปรับและรายได้ส่วนท้องถิ่นให้โจทก์คงเหลือภาษีที่เรียกเก็บจำนวน 1,350,975.56 บาท โจทก์เห็นว่ายังไม่ถูกต้องเพราะสินค้าโจทก์ผลิตขึ้นจากสารปิโตรเคมีและสารประกอบประเภทไฮโดรคาร์บอนหลายชนิด ซึ่งเป็นสารเคมีที่นำมาใช้ในการผลิตพลาสติก กระบวนการผลิตขั้นตอนสุดท้ายจะได้ผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นแผ่นพลาสติกสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้าง 2 เมตร ยาวประมาณ 20-30เมตร ผลิตขึ้นเพื่อให้เป็นวัสดุเอนกประสงค์ในการนำไปใช้งานใช้ประโยชน์ได้อย่างกว้างขวางจึงจัดเป็นสินค้าประเภทพลาสติกเป็นผืน ตามหมวด 2(2) บัญชีที่ 1 ท้ายพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า(ฉบับที่ 54) พ.ศ. 2517 ซึ่งต้องเสียภาษีการค้าเพียงอัตราร้อยละ 7ของรายรับ ขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีการค้า ให้งดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มภาษีการค้า
จำเลยให้การว่า สินค้าของโจทก์ซึ่งใช้ปูพื้นและปิดผนังจึงอยู่ในหมวดของวัสดุก่อสร้างและเครื่องเรือน จึงต้องอยู่ในหมวด 4(7) บัญชีที่ 1 ท้ายพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า (ฉบับที่ 54) พ.ศ. 2517โจทก์ต้องเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 9 จึงจะชอบและถูกต้องตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินภาษีการค้าตามหนังสือแจ้งภาษีการค้าเลขที่ 1804/3/00393, 1804/3/00394และ 1804/3/00395 ลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2532 จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ประกอบกิจการค้าสินค้าประเภทพลาสติกรวมตลอดถึงยางเทียม สิ่งทำเทียมวัตถุหรือสินค้าดังกล่าวโดยกรรมวิธีทางวิทยาศาสตร์ สำหรับสินค้าพิพาทเป็นแผ่นพลาสติกดูราฟลอร์ที่โจทก์ผลิตขึ้นด้วยวัตถุปิโตรเคมีและสารประกอบเคมีอีกหลายชนิด ซึ่งนำมาสังเคราะห์เป็นแผ่น พี.วี.ซีหรือแผ่นพลาสติกนิ่มมีขนาดกว้างประมาณ 2 เมตร ยาวประมาณ 20-30 เมตรสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างเช่น ปูพื้น ปิดฝาผนัง และสามารถใช้ทำรองเท้า กระเป๋าถือ แผ่นรองจาน ฯลฯ เจ้าพนักงานประเมินและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยได้ประเมินและวินิจฉัยอุทธรณ์การประเมินแล้ว ให้โจทก์เสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 9ของรายรับตามบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภทการค้า 1. การขายของชนิด 1(ก) ในประมวลรัษฎากร โดยจัดสินค้าของโจทก์เป็นวัตถุก่อสร้างและเครื่องเรือนประเภทสิ่งปูลาดเข้าในหมวด 4(7) บัญชีที่ 1 ท้ายพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า (ฉบับที่ 54) พ.ศ. 2517 แต่โจทก์โต้แย้งว่าสินค้าของโจทก์เป็นพลาสติกเป็นผืนประเภท ผ้า เครื่องหนังเครื่องประดับหรือเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์เครื่องแต่งกาย เข้าในหมวด 2(2) ตามบัญชีที่ 1 ท้ายพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวซึ่งต้องเสียภาษีการค้าเพียงอัตราร้อยละ 7 ของรายรับ ตามมาตรา 8(11) แห่งพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 5 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า (ฉบับที่ 179) พ.ศ.2529ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยมีว่าการประเมินภาษีการค้าของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าผลิตภัณฑ์สินค้าของโจทก์ตามสภาพที่เป็นแผ่น พี.วี.ซี. หรือแผ่นพลาสติกนิ่มมีความเหนียวแน่นทนทาน มีขนาดความกว้าง 2 เมตรยาวประมาณ 20-30 เมตร หนาประมาณ 1 ถึง 1.5 มิลลิเมตร เมื่อได้พิจารณาประกอบคำโฆษณาสินค้าของโจทก์ท้ายคำให้การของจำเลยว่าเป็นวัสดุปูพื้นดูราฟลอร์ ซึ่งมีคุณภาพพื้นนุ่ม…เพื่อสุขภาพและคำเบิกความของนายอนุกูล เย็นสุดใจ เจ้าหน้าที่บริหารงานกองสถาปัตยกรรม กรมโยธาธิการ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญของศาลว่าผลิตภัณฑ์สินค้าโจทก์มีการนำไปใช้ในการก่อสร้างประมาณร้อยละ 90แล้ว บ่งชี้ให้เห็นว่า เป็นสินค้าที่โจทก์ผลิตขึ้นมาด้วยความประสงค์เพื่อให้ผู้ใช้สินค้านำไปใช้ประโยชน์เป็นวัสดุสำหรับปูพื้นอาคารและปิดผนังอาคารโดยเฉพาะหาได้มีความประสงค์จะให้ใช้เป็นสินค้าประเภทอื่นไม่ การที่มีผู้นำไปใช้ประกอบเป็นสินค้าเช่น รองเท้า กระเป๋า ที่รองจาน เป็นเพียงผลพลอยได้ที่นอกเหนือจากความประสงค์ของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ผลิตเท่านั้น สินค้าของโจทก์จึงจัดเป็นวัตถุก่อสร้างและเครื่องเรือนเข้าลักษณะสิ่งปูลาดตามความหมายในหมวด 4(7) บัญชีที่ 1 ท้ายพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า (ฉบับที่ 54)พ.ศ. 2517 ซึ่งมิได้รับการลดหย่อนภาษีการค้าตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวนี้แต่อย่างใด การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้วที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลย ศาลฎีกาแผนกภาษีอากรไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share