คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3769/2531

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยใช้มีดดาบฟันผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่การกระทำไม่บรรลุผลเพราะผู้เสียหายยกแขนขึ้นปิดป้องคมมีดจึงถูกที่แขนของผู้เสียหาย และผู้เสียหายหลบหนีไปได้ มิได้บรรยายมาในฟ้องให้เห็นว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสอย่างไร ศาลจึงลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 ไม่ได้คงลงโทษได้ตามมาตรา 295 เท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,289 (4), 80
จำเลยให้การปฎิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยไม่มีเจตนาฆ่าแต่มีเจตนาทำร้ายร้างกายผู้เสียหายเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 ลงโทษจำคุก 3 ปี ข้อหาอื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายแต่ฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายจนได้รับอันตรายสาหัส จึงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297มิได้ พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ให้จำคุก 2 ปี
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าจำเลยใช้มีดดาบฟันผู้เสียหายถูกขอศอกขวาลึกจดกระดูกจนกระดูกข้อศอกขวาด้านหน้าบิ่นบาดแผลยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ใช้เวลารักษาประมาณ 60 วัน และพิการจนยืดแขนไม่ได้ คงมีปัญหาว่า จะลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ได้หรือไม่
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยใช้มีดดาบฟันผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่การกระทำไม่บรรลุผลเพราะผู้เสียหายยกแขนขึ้นปิดป้องคมมีดจึงถูกที่แขนของผู้เสียหาย และผู้เสียหายหลบหนีไปได้โดยมิได้บรรยายมาในฟ้องว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสอย่างไร ศาลจึงลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ไม่ได้ คงลงโทษได้ตามมาตรา 295เท่านั้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยมานั้นชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share