แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิร่วมกันในโฉนดฝ่ายละกึ่งหนึ่ง แต่ต่างได้ครอบครองเป็นส่วนสัดกันแล้ว ซึ่งมีเนื้อที่ไม่เท่ากัน ภายหลังคนหนึ่งได้ขายส่วนของตนให้บุคคลภายนอก ๆ รับซื้อไว้โดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิของเขาตาม ก.ม.แล้ว ดังนี้ ผู้รับซื้อมีสิทธิที่จะฟ้องขอแบ่งที่รายนั้นให้เป็นของตนกึ่งหนึ่งได้ ภายใน 10 ปี นับแต่วันรับโอน
ย่อยาว
ที่ดินโฉนดที่ ๑๙๐ เป็นมฤดกได้แก่นายแจ้ง นายบุญ จำเลยคนละครึ่ง นายแจ้งกับจำเลยได้ขุดรางน้ำจากทิศเหนือมาใต้ฝ่ากลางเนื้อที่ดินในโฉนด เพื่อประโยชน์แก่การชักน้ำเข้ามา และใช้เป็นทางลำเลียงขนข้าวด้วย แล้วต่างได้ปรกครองทำนาอยู่คนละซีกล่องน้ำ ไม่ล่วงล้ำกัน ต่อมา นางแจ้งขายที่ให้นายทรัพย์ ๆ โอนขายให้โจทก์ นายทรัพย์และโจทก์ก็ปกครองทำนาซีกที่นายแจ้งทำ ไม่ล่วงล้ำล่องน้ำเข้ามาทางซีกที่จำเลยทำ บัดนี้โจทก์มาฟ้องขอแบ่งที่กึ่งหนึ่งเพราะเนื้อที่ทั้งสองฝั่งล่องน้ำไม่เท่ากัน
จำเลยต่อสู้ว่า ต่างฝ่ายต่างครอบครองเฉพาะส่วนของตนเป็นส่วนสัดแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งที่ให้โจทก์จำเลย ถ้าไม่ตกลงให้ประมูลขายระหว่างโจทก์จำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ที่ดินของโจทก์กึ่งหนึ่งนั้นล่วงล้ำข้ามล่องน้ำมาทางฝ่ายจำเลย และจำเลยได้ปกครองทำอยู่มา ๑๐ ปีแล้ว นับแต่นายแง้เป็นเจ้าของก็ตาม จำเลยยังโต้เถียงสิทธิของผู้รับโอนจากนายแจ้งต่อมาจนถึงโจทก์ไม่ได้ เพราะโจทก์ได้รับโอนมาโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริต และ ได้จดทะเบียนสิทธิของเขาตาม ก.ม.แล้ว นับแต่วันโอนมาก็เพียง ๗ ปีเศษเท่านั้น จึงพิพากษาแก้ให้โจทก์มีกรรมสิทธิในที่พิพาทกึ่งหนึ่ง