คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 273/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ยื่นคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถา ต่อมาโจทก์แถลงไม่ติดใจขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา และขอขยายเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมอีก 10 วัน ศาลชั้นต้นอนุญาตในวันเดียวกัน และสั่งว่าหากไม่นำเงินมาวางภายใน 10 วันถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง โดยโจทก์ได้ลงลายมือชื่อในช่องหมายเหตุในคำร้องที่ระบุว่า ข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอถือว่าทราบแล้ว ดังนี้ต้องถือว่าโจทก์ทราบคำสั่งศาลในวันนั้นแล้ว เมื่อถึงวันครบกำหนดโจทก์ไม่นำเงินมาชำระค่าธรรมเนียม คำสั่งของศาลชั้นต้นย่อมมีผลทันทีโดยไม่ต้องมีคำสั่งอีกซึ่งคำสั่งทิ้งฟ้องของศาลชั้นต้นเท่ากับเป็นคำสั่งไม่รับฟ้อง และเมื่อศาลไม่รับฟ้องแล้วโจทก์จะร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาโดยขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของโจทก์อีกไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่านิติกรรมจำนองที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ เป็นโมฆะ ขอให้คืน น.ส.๓ ให้โจทก์โดยยื่นคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถา
ในวันนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา โจทก์แถลงว่าไม่ติดใจไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแล้วขอเวลา ๔๕ วัน เพื่อหาเงินมาวางเป็นค่าฤชาธรรมเนียมการฟ้องคดี ศาลให้เวลาถึงวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๒๘ ครั้นถึงวันครบกำหนดโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมอีก ๑๐ วัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าอนุญาตเป็นครั้งสุดท้าย หากไม่นำเงินมาวางภายใน๑๐ วัน ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง เมื่อครบกำหนดแล้ว โจทก์ไม่ได้วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมวันรุ่งขึ้นจากครบกำหนดได้มายื่นคำร้องว่ายากจนไม่มีเงินชำระค่าฤชาธรรมเนียมขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ให้จำหน่ายคดีและยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาว่าโจทก์ไม่ได้ทิ้งฟ้อง เนื่องจากคำร้องของโจทก์ฉบับลงวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๒๘ ที่ขอขยายระยะเวลาชำระเงินค่าธรรมเนียมศาลออกไปอีก ๑๐ วันนั้น โจทก์ได้ทราบคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๒๘ จึงต้องนับ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๒๘ และครบ ๑๐ วัน ในวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๒๘ เมื่อโจทก์เห็นว่าสุดความสามารถที่จะหาเงินมาชำระค่าธรรมเนียมศาลได้ จึงได้ยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๒๘ อีก ศาลชั้นต้นจะต้องรับคำร้องของโจทก์ไว้ไต่สวนและไม่ชอบที่จะสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง เพราะยังไม่พ้นกำหนดระยะเวลาที่ขยายออกไปพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำร้องของโจทก์ฉบับลงวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๒๘ ที่ขอขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลออกไปอีก ๑๐ วัน นั้น ปรากฏว่าโจทก์ได้ลงลายมือชื่อในช่องหมายเหตุในคำร้องที่ระบุว่า ข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอถือว่าทราบแล้ว และศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในวันเดียวกันนั้นเอง จึงต้องถือว่าโจทก์ได้ทราบคำสั่งของศาลในวันนั้นแล้ว ระยะเวลา ๑๐ วันที่ขยายออกไปต้องนับ ๑ตั้งแต่วันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๒๘ และครบกำหนดในวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๒๘ เมื่อในวันดังกล่าวโจทก์ไม่นำเงินมาชำระค่าธรรมเนียม คำสั่งของศาลชั้นต้นย่อมมีผลทันทีโดยไม่ต้องมีคำสั่งอีก และที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องเท่ากับเป็นคำสั่งไม่รับฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่โจทก์จะขอให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์นั้น เห็นว่าเมื่อศาลไม่รับฟ้องแล้วโจทก์จะร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาโดยขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของโจทก์อีกไม่ได้
พิพากษายืน.

Share