คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3768/2562

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4 คำว่า “จำหน่าย” ให้หมายความว่า ขาย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ให้ การที่จำเลยแบ่งเมทแอมเฟตามีนของกลางให้เพื่อนเสพ ถือว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 66, 91, 100/1, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 91 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน และรับว่ามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่มิได้มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, วรรคสาม (2), 57, 66 วรรคสอง, 91 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานเสพเมทแอมเฟตามีนจำคุก 1 ปี ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 9 ปี และปรับ 900,000 บาท คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน และปรับ 600,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้กักขังแทนค่าปรับเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติด พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 จำคุก 4 ปี ส่วนฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลงโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 2 ปี ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุก 3 เดือน รวมจำคุก 2 ปี 3 เดือน ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า ตามวันเวลาสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยพร้อมเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดสีขาว 1 ถุง เป็นของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนส่งของกลางไปตรวจพิสูจน์ผลปรากฏเป็นเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ น้ำหนัก 0.550 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 0.512 กรัม
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ เห็นว่า เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยพร้อมเมทแอมเฟตามีนของกลาง คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 0.512 กรัม ซึ่งมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่สามร้อยเจ็ดสิบห้ามิลลิกรัมขึ้นไป ซึ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2) ให้สันนิษฐานว่าเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยมีหน้าที่นำพยานหลักฐานเข้าสืบพิสูจน์ว่าไม่ได้มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เมื่อจำเลยนำสืบว่ารับเมทแอมเฟตามีนของกลางมาจากนายไคโรและนำมาที่เกิดเหตุเพื่อเสพกับนายอุสมัน ซึ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4 คำว่า “จำหน่าย” ให้หมายความว่า ขาย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ให้ การที่จำเลยแบ่งเมทแอมเฟตามีนของกลางให้เพื่อนเสพ ถือว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย การกระทำของจำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสอง อีกบทหนึ่ง ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 9 ปี และปรับ 900,000 บาท คำให้การและทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม จำคุก 6 ปี และปรับ 600,000 บาท เมื่อรวมกับโทษฐานเสพเมทแอมเฟตามีนแล้ว คงจำคุก 6 ปี 3 เดือน และปรับ 600,000 บาท หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 โดยให้กักขังแทนค่าปรับเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share