คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3762/2549

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 4 คำว่า ผลิต หมายความว่า เพาะปลูก ทำ ผสม ปรุง แปรสภาพ เปลี่ยนรูป ฯลฯ เมื่อมีการผสมปรุงจนเป็นเมทแอมเฟตามีนแล้ว แม้อยู่ในสภาพของเหลวก็ใช้เสพได้เลย การอัดของเหลวให้เป็นเม็ดเป็นเพียงทำให้สะดวกในการซื้อขายกำหนดราคาและปริมาณในการจำหน่ายกันต่อไปเท่านั้น การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นความผิดฐานผลิตยาเสพติดให้โทษสำเร็จแล้ว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ของกลางมิได้เป็นเครื่องมือ เครื่องใช้ ยานพาหนะหรือวัตถุอื่น ซึ่งได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 102 และไม่ใช่ทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่า ผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 32, 33 (2) ไม่อาจริบได้ แต่ศาลชั้นต้นมิได้พิพากษาคืนของกลางดังกล่าวแก่เจ้าของแม้คู่ความมิได้ฎีกาเกี่ยวกับของกลางดังกล่าวก็ตาม ศาลฎีกามีอำนาจสั่งคืนแก่เจ้าของได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 49 และ 186 (9)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 65, 66, 67, 102 พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 4, 5, 6, 11, 13 ทวิ, 62, 89, 106, 106 ทวิ, 116 พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 มาตรา 4, 5, 7, 18, 43, 74, พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 3, 30, 31 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 ริบของกลางทั้งหมดยกเว้นของกลางตาม บัญชีของกลางท้ายฟ้องลำดับที่ 78 ถึง 81
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง, มาตรา 65 วรรคสอง, 66 วรรคสอง พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 62 วรรคหนึ่ง, 89, 106 วรรคหนึ่ง (ที่ถูกไม่ต้องปรับบทตามมาตรา 106 วรรคหนึ่งอีก), 106 ทวิ พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 มาตรา 43 วรรคหนึ่ง, 74 วรรคหนึ่ง, ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่าย กับฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่ายซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสาม ฐานร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 15 ปี (ที่ถูกฐานร่วมกันมีวัตถุอกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองเพื่อขายกับฐานร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 เกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ละบทมีโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ใหประเภท 2 ไว้ในครอบครองเพื่อขายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90) ฐานร่วมกันมีวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 ปี การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของกลางมีจำนวนมาก เป็นภัยต่อชาติบ้านเมืองทั้งในทางสังคมและเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนในสังคมโดยรวม กระทบต่อความมั่นคงของชาติ แม้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมก็ไม่ลดโทษให้ เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสามแล้วจึงไม่อาจนำโทษจำคุกในความผิดกระทงอื่นมารวมอีก คงให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสามสถานเดียว ริบของกลางตามบัญชีของกลางเอกสารหมาย จ.9 ลำดับที่ 1 ถึงที่ 77 และลำดับที่ 111 ถึง 116 ส่วนของกลางลำดับที่ 83 ถึง 100 ให้คืนแก่เจ้าของ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 65 วรรคสอง (เดิม) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 ฐานร่วมกันพยายามผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่ายกับฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ลดโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสาม คำให้การชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสามเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (1) คงจำคุกจำเลยทั้งสามตลอดชีวิต เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงให้จำคุกจำเลยทั้งสามตลอดชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) ข้อหาผลิตเมทแอมเฟตามีน 40 เม็ด เพื่อจำหน่าย และข้อหามีเมทแอมเฟตามีน 40 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พฤติการณ์แห่งคดีเป็นการลักลอบผลิตยาเสพติดให้โทษรายใหญ่ ของกลางมีจำนวนมาก ต้องกระทำโดยปกติเป็นความลับ บุคคลที่ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องจึงยากที่จะเข้าไปอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุในขณะเกิดเหตุได้ เชื่อว่าจำเลยทั้งสามมีส่วนรู้เห็นร่วมกระทำความผิดด้วย ที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ต่อสู้ว่าเพียงแต่ทำหน้าที่รับจ้างขับรถยนต์ไปส่งของที่บ้านที่เกิดเหตุโดยไม่ทราบว่าสิ่งของดังกล่าวเป็นอะไร เมื่อส่งของเสร็จเป็นเวลาดึกมากจึงไม่กล้าขับรถกลับเพราะเป็นทางเปลี่ยวนั้น เห็นว่า หากเป็นเช่นนั้นจริง นายเคนและอาฉีคงไม่กล้าผลิตเมทแอมเฟตามีนในบ้านที่เกิดเหตุในวันนั้นเป็นแน่ เพราะจะมีผู้ล่วงรู้ความลับในการกระทำความผิดต่อกฎหมายข้อหาร้ายแรงซึ่งจะเป็นอันตรายต่อนายเคนและนายอาฉีได้ ข้ออ้างดังกล่าวยังไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง ส่วนที่จำเลยที่ 3 ต่อสู้ว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของนายเคนนั้น เห็นว่า วันเกิดเหตุมีคนภายนอกหลายคนไปที่บ้านของจำเลยที่ 3 และร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายโดยผลิตเมทแอมเฟตามีนจำนวนมาก จำเลยที่ 3 มิได้ห้ามปรามแต่กลับช่วยเหลือหยิบสิ่งของส่งให้ คอยดูแลอำนวยความสะดวกและจัดหาเครื่องดื่มไว้คอยบริการจะฟังว่าไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิดได้อย่างไร ข้ออ้างของจำเลยที่ 3 ฟังไม่ขึ้น จำเลยที่ 3 ฎีกาว่า พยานโจทก์ผู้จับกุมเบิกความแตกต่างกัน กล่าวคือ พันตำรวจเอกถาวรเบิกความว่าขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 และที่ 2 นอนอยู่ชั้นล่าง จำเลยที่ 3 นอนอยู่ชั้นบน พันตำรวจโทกมลวิทย์เบิกความว่า ขณะเกิดเหตุพบจำเลยทั้งสามอยู่ชั้นล่างของบ้านนั่งอยู่ในสภาพเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน ร้อยตำรวจเอกณรงค์เบิกความว่า ขณะเกิดเหตุพบจำเลยทั้งสามอยู่ชั้นล่าง พันตำรวจโทจิรวัฒน์ พนักงานสอบสวนเบิกความว่า จำเลยที่ 3 นอนอยู่ตรงไหนไม่ทราบ แต่พบว่าเจ้าพนักงานตำรวจควบคุมจำเลยที่ 3 อยู่ชั้นล่าง เห็นว่า ข้อแตกต่างดังกล่าวเป็นรายเดือนปลีกย่อย ไม่ใช่ข้อสาระสำคัญ ไม่ทำให้พยานหลักฐานของโจทก์รับฟังไม่ได้ พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักมั่นคง ส่วนพยานหลักฐานของจำเลยทั้งสามยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะฟังหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยทั้งสามกระทำความผิดจริงแต่เฉพาะเมทแอมเฟตามีนข่องกลางจำนวน 40 เม็ดนั้น ตามคำเบิกความของพันตำรวจตรีกมลวิทย์ได้ความว่า เจ้าพนักงานตำรวจพบอยู่ในห้องครัวและเป็นชนิดสีส้ม ส่วนเมทแอมเฟตามีนของเหลวในถังจำนวน 6 ถัง มีสีน้ำตาลจึงเห็นชัดว่าเป็นเมทแอมเฟตามีนคนละจำนวนกัน เมทแอมเฟตามีนของเหลวในถังเป็นเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยทั้งสามกับพวกร่วมกันผลิตในวันเวลาเกิดเหตุ ส่วนเมทแอมเฟตามีนจำนวน 40 เม็ดนั้นตามคำพยานโจทก์ยังไม่ชัดเจนพอที่จะรับฟังว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวเพราะนอกจากจำเลยทั้งสามแล้วยังมีผู้กระทำความผิดบางคนหลบหนีไปได้ กรณียังเป็นที่สงสัยอยู่ว่า เมทแอมเฟตามีนจำนวน 40 เม็ด อาจเป็นของผู้กระทำความผิดที่หลบหนีไปโดยจำเลยทั้งสามมิได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องก็เป็นได้ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยทั้งสามตามประมวบกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกฟ้องโจทก์ในความผิดข้อหาเกี่ยวกับเมทแอมเฟตามีนจำนวน 40 เม็ด ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ข้อเท็จจริงคงรับฟังได้เพียงว่า จำเลยทั้งสามร่วมกับพวกกระทำความผิดในข้อหาผลิตเมทแอมเฟตามีนของเหลวที่บรรจุอยู่ในถังจำนวน 6 ถัง ดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัย ฎีกาของจำเลยทั้งสามและโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยประการที่สองตามฎีกาของโจทก์ว่า การที่จำเลยทั้งสามร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนซึ่งยังอยู่ในสภาพของเหลว ยังไม่ได้อัดเป็นเม็ดนั้นการกระทำของจำเลยทั้งสามจะเป็นความผิดสำเร็จหรืออยู่ในชั้นพยายามกระทำความผิด เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4 คำว่า ผลิต หมายความว่า เพาะปลูก ทำ ผสม ปรุง แปรสภาพ เปลี่ยนรูป ฯลฯ เมื่อตามข้อเท็จจริงฟังได้ว่ามีการผสมปรุงจนเป็นเมทแอมเฟตามีนแล้ว แม้อยู่ในสภาพของเหลวก็ใช้เสพได้เลย การอัดของเหลวให้เป็นเม็ดเป็นเพียงทำให้สะดวกในการซื้อขายกำหนดราคาและปริมาณในการจำหน่ายกันต่อไปเท่านั้น การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นความผิดสำเร็จแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาว่า เป็นความผิดฐานพยายามผลิต ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยประการสุดท้ายตามฎีกาของจำเลยที่ 3 ว่า ควรลงโทษจำเลยที่ 3 สถานเบาหรือไม่ เห็นว่า การกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษข้อหามีโทษร้ายแรงสำหรับความผิดข้อหาร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่ายนั้นเป็นความผิดตามมาตรา 65 วรรคสอง ซึ่งมีอัตราโทษให้ประหารชีวิตสถานเดียวจึงไม่อาจกำหนดโทษจำเลยที่ 3 ให้ต่ำกว่านี้ได้ อย่างไรก็ตามคำให้การของจำเลยที่ 3 ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ในการพิจารณาอยู่บ้าง ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ลดโทษให้จำเลยที่ 3 หนึ่งในสามนับว่าเป็นประโยชน์แก่จำเลยที่ 3 มากอยู่แล้ว และไม่มีเหตุอื่นจะลดโทษให้ได้อีก ส่วนข้อหาร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทในประเภท 2 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและข้อหาร่วมกันมีวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจกำหนดโทษเหมาะสมแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 3 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ของกลางลำดับที่ 82 มิได้เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ยานพาหนะหรือวัตถุอื่น ซึ่งได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 102 และไม่ใช่ทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่า ผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33 (2) ไม่อาจริบได้ แต่ศาลชั้นต้นมิได้พิพากษาคืนของกลางดังกล่าวแก่เจ้าของ แม้คู่ความมิได้ฎีกาเกี่ยวกับของกลางดังกล่าวก็ตาม ศาลฎีกามีอำนาจสั่งคืนแก่เจ้าของได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 49 และ 186 (9)”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 65 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) ฐานร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่ายกับฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามียไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสาม คำให้การชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสามเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (1) คงจำคุกจำเลยทั้งสามตลอดชีวิต เมื่อรวมกับโทษจำคุก 15 ปี ฐานร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทในประเภท 2 ไว้ในครอบครองเพื่อขาย และโทษจำคุก 6 ปี ฐานร่วมกันมีวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดไว้ คงให้จำคุกจำเลยทั้งสามตลอดชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 (3) คืนของกลางลำดับที่ 82 ตามบัญชีของกลางแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

Share