คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 376/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้าหลวงประจำจังหวัดเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จะพิจารณาและสั่งอนุญาตเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินค่าพาหนะเดินทางของข้าราชการเมื่อจำเลยทำใบสำคัญเท็จมาแสดง เพื่อขอเบิกเงินตามใบสำคัญนั้นก็อาจทำให้ข้าหลวงประจำจังหวัด หรือรัฐบาลเสียหายได้จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานแจ้งความเท็จตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 118

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาเบิกค่าพาหนะเดินทางย้ายครอบครัว ยื่นรายงานการเดินทางพร้อมด้วยใบสำคัญคู่จ่ายเท็จ ต่อข้าหลวงประจำจังหวัด ฯลฯขอให้ลงโทษ

จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยได้จ่ายเงินไปจริง ไม่มีการเสียหายจึงยังไม่ผิด

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 118 ให้จำคุก 6 เดือน ลด 1 ใน 3 จำคุก4 เดือน ให้รอการลงอาญาไว้

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ปัญหาที่จำเลยฎีกาคัดค้านว่า ข้าหลวงประจำจังหวัดไม่ใช่เจ้าพนักงาน ในกรณีเช่นนี้ เพราะไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับการคลังหรือการเงินนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าพระราชบัญญัติเงินคงคลัง พ.ศ. 2491 มาตรา 11 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2495 ได้บัญญัติไว้ว่า “การสั่งจ่ายเงินจากคลังจังหวัดหรือคลังอำเภอให้เป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมาย และให้ปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงการคลัง” และตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยอัตราค่าพาหนะและเบี้ยเลี้ยงเดินทางก็มีระเบียบของคลังว่า การเบิกจ่ายเช่นนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้พิจารณาและสั่งอนุญาตฉะนั้นจึงเห็นได้ว่า ข้าหลวงประจำจังหวัดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จะพิจารณาและสั่งอนุญาตเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินค่าพาหนะเดินทางของข้าราชการ เมื่อจำเลยทำใบสำคัญเท็จมาแสดงเพื่อขอเบิกเงินตามใบสำคัญนั้น ก็อาจทำให้ข้าหลวงประจำจังหวัด หรือรัฐบาลเสียหายได้ จำเลยจึงต้องมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 118 ฯลฯ จึงพิพากษายืน

Share