แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ดินพิพาทคดีนี้เจ้าพนักงานบังคับคดีเคยเคาะไม้ขายให้ผู้สู้ราคาสูงสุดมาแล้ว 3 ครั้ง และผู้สู้ราคาดังกล่าวผิดสัญญาซื้อขายไม่ชำระราคาที่ดินส่วนที่เหลือทั้งสามครั้ง เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงกำหนดเงื่อนไขการวางเงินประกันการเข้าสู้ราคาสูงกว่าร้อยละ 5 ของราคาที่เคยมีผู้เสนอสูงสุด โดยเสนอต่ออธิบดีกรมบังคับคดีหรือรองอธิบดีผู้รับมอบหมายเพื่อพิจารณา และโดยอาศัยคำสั่งกรมบังคับคดีที่ 64/2554 ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554 ก่อนการประกาศขายทอดตลาดที่ดินพิพาทในครั้งนี้ อันนับได้ว่าเป็นการประกาศขายทอดตลาดที่ดินพิพาทโดยชอบ ประกอบกับ ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสอง ที่ผู้ร้องยกขึ้นอ้างเพื่อขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินพิพาท ก็บัญญัติให้สิทธิแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี ซึ่งต้องเสียหายเพราะเหตุดังกล่าว เมื่อปรากฏว่า ผู้ร้องเป็นเพียงผู้อ้างว่าประสงค์จะเข้าสู้ราคา โดยมิได้เข้าร่วมสู้ราคา ผู้ร้องจึงมิใช่ผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี ซึ่งต้องเสียหายเพราะการบังคับคดีนี้ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินพิพาท
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 1370 ตำบลสามวาตะวันตก อำเภอมีนบุรี (เมือง) กรุงเทพมหานคร ของจำเลยเพื่อบังคับเอาชำระหนี้ตามคำพิพากษาเจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวแล้วเคาะไม้ขายทอดตลาดให้แก่นายกังวาลชัย ผู้ประมูลซื้อทรัพย์ในราคา 4,850,000 บาท
ผู้ร้องยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด
โจทก์และจำเลยไม่ยื่นคำคัดค้าน
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า เดิมศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีจำนวน 10,441,153.62 บาท พร้อมดอกเบี้ยและหนี้เงินกู้จำนวน 8,289,946.14 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ หากไม่ชำระหรือชำระไม่ครบให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 124948 และ 124949 ตำบลคลองกุ่ม อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร กับที่ดินโฉนดเลขที่ 1370 และ 7719 ตำบลสามวาตะวันตกและตำบลบางชัน อำเภอมีนบุรี (เมือง) กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หากได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยชำระหนี้จนครบ แต่จำเลยไม่ชำระหนี้ โจทก์จึงขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 1370 ตำบลสามวาตะวันตก อำเภอมีนบุรี (เมือง) กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ 3 ไร่ เพื่อบังคับเอาชำระหนี้ โดยเจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาทรัพย์พิพาทเป็นเงิน 4,080,000 บาท ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดที่ดินพิพาท โดยกำหนดเงื่อนไขให้ผู้เข้าสู้ราคาต้องวางหลักประกันการเข้าสู้ราคาต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นเงินสดหรือแคชเชียร์เช็คหรือหนังสือค้ำประกันของธนาคารเป็นเงิน 1,230,000 บาท เมื่อถึงวันนัดเจ้าพนักงานบังคับคดีเคาะไม้ขายทรัพย์พิพาทให้แก่นายกังวาลชัย ผู้ประมูลซื้อทรัพย์ในราคา 4,850,000 บาท โดยผู้ร้องไม่ได้เข้าร่วมประมูลสู้ราคา
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีและมีสิทธิขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทหรือไม่ เห็นว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดที่ดินพิพาทโดยกำหนดเงื่อนไขให้ผู้เข้าสู้ราคาต้องวางหลักประกันการเข้าสู้ราคาต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นจำนวนเงินสูงถึง 1,230,000 บาท ขัดต่อคำสั่งกรมบังคับคดีที่ 333/2551 เป็นการดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินพิพาท โดยอ้างประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 7(1) มาตรา 27 และมาตรา 296 แต่ปรากฏข้อเท็จจริง ตามบันทึกเสนอรายงานข้อเท็จจริงฉบับวันที่ 13 มีนาคม 2555 ของสำนักงานดำเนินการบังคับคดีกรุงเทพมหานคร เขตพื้นที่ 3 ในสำนวนว่า คำสั่งกรมบังคับคดีที่ 333/2551 ที่กำหนดเงื่อนไขให้วางเงินประกันการเสนอราคารายการละ 50,000 บาท นั้นเป็นกรณียังไม่เคยนำทรัพย์ออกขายหรือยังไม่ได้เคาะไม้ขายให้แก่ผู้เสนอราคาสูงสุด แต่ที่ดินพิพาทคดีนี้เจ้าพนักงานบังคับคดีเคยเคาะไม้ขายให้ผู้สู้ราคาสูงสุดมาแล้ว 3 ครั้ง และผู้สู้ราคาดังกล่าวผิดสัญญาซื้อขายไม่ชำระราคาที่ดินส่วนที่เหลือทั้งสามครั้ง เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงกำหนดเงื่อนไขการวางเงินประกันการเข้าสู้ราคาสูงกว่าร้อยละ 5 ของราคาที่เคยมีผู้เสนอสูงสุด โดยเสนอต่ออธิบดีกรมบังคับคดีหรือรองอธิบดีผู้รับมอบหมายเพื่อพิจารณา และโดยอาศัยคำสั่งกรมบังคับคดีที่ 64/2554 ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554 ก่อนการประกาศขายทอดตลาดที่ดินพิพาทในครั้งนี้ อันนับได้ว่าเป็นการประกาศขายทอดตลาดที่ดินพิพาทโดยชอบ ประกอบกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง ที่ผู้ร้องยกขึ้นอ้างเพื่อขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินพิพาท ก็บัญญัติให้สิทธิแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีซึ่งต้องเสียหายเพราะเหตุดังกล่าว เมื่อปรากฏว่า ผู้ร้องเป็นเพียงผู้อ้างว่าประสงค์จะเข้าสู้ราคา โดยมิได้เข้าร่วมสู้ราคา ผู้ร้องจึงมิใช่ผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี ซึ่งต้องเสียหายเพราะการบังคับคดีนั้น ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินพิพาท ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำร้องของผู้ร้องมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ