คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3741/2526

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยได้หญิงอื่นและรับเข้ามาอยู่ในบ้าน อันเป็นการเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นฉันภริยา ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516(1) และจำเลยหมิ่นประมาทเหยียดหยามโจทก์ซึ่งเป็นภริยา ตาม มาตรา 1516(3) ทั้งสองกรณีเหตุเกิดเมื่อ พ.ศ. 2519 โจทก์รู้ความจริงดังกล่าวในปีเดียวกัน โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2523 คดีโจทก์ขาดอายุความตาม มาตรา1529

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นฟังว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อแรกเห็นควรวินิจฉัยฎีกาโจทก์ที่ว่า จำเลยให้การรับว่าจำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์เป็นเวลา 3 ปีเศษ ประเด็นข้อนี้จึงรับฟังเป็นยุติ ศาลชั้นต้นไม่จำเป็นต้องกะเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้เสียก่อน พิเคราะห์แล้ว โจทก์บรรยายฟ้องในประเด็นข้อนี้ว่า จำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์นับถึงวันฟ้องเป็นเวลา 3 ปีเศษแล้ว จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์ข้อดังกล่าวไม่เป็นความจริง เป็นการกล่าวเท็จ การจากไปของโจทก์เป็นความผิดของโจทก์เอง เพราะโจทก์ไปประกอบธุรกิจการค้าที่อาคารตึกสามชั้นอยู่ในซอยสุทธิสารโดยละทิ้งจำเลยไปเกินกว่า 3 ปี จำเลยพร้อมที่จะรับโจทก์เสมอ แต่โจทก์ไม่ยอมกลับดังนี้ จำเลยหาได้ให้การรับในประเด็นข้อดังกล่าวดังฎีกาของโจทก์ไม่ ทั้งเมื่อศาลชั้นต้นมิได้กะประเด็นข้อดังกล่าวเป็นประเด็นข้อพิพาท และโจทก์มิได้โต้แย้งไว้ โจทก์จะยกขึ้นอุทธรณ์ฎีกาในประเด็นข้อนี้ไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ ปัญหาต่อไปที่จะต้องวินิจฉัยมีว่า จำเลยได้นางยินดี ปานพรมเป็นภริยาอีกคนหนึ่งโดยโจทก์ไม่รู้เห็นเป็นใจด้วยและจำเลยหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์ตามฟ้องหรือไม่ อันเป็นเหตุหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516(1)(3) และฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1529 บัญญัติว่า “สิทธิฟ้องร้องโดยอาศัยเหตุในมาตรา 1516(1)(2)(3) หรือ (6) หรือมาตรา 1523 ย่อมระงับไปเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันผู้กล่าวอ้างรู้หรือควรรู้ความจริงซึ่งตนอาจยกขึ้นกล่าวอ้าง” โจทก์เบิกความว่าเดือนพฤษภาคม 22519 จำเลยรับนางยินดี เด็กหญิงดวงตา และเด็กชายชาลีเข้ามาอยู่ในบ้านโจทก์จำเลย ต่อมาย้ายทะเบียนสำมะโนครัวเข้ามาด้วย โจทก์จึงทราบว่าเด็กทั้งสองเป็นบุตรของจำเลย โจทก์ซักถาม จำเลยรับว่าเด็กทั้งสองเป็นบุตรของจำเลย และนางยินดีเป็นภริยาของจำเลย เดือนสิงหาคม 2519 โจทก์ทะเลาะกับจำเลย จำเลยด่าโจทก์ว่า อีดอกทอง อีหน้าด้าน ไล่แล้วก็ไม่ไป อีหญิงกาลี อีแพศยา อีกระหรี่ชั้นต่ำ อีเจ๊กไม่มีสกุลรุณชาติ และจำเลยเขียนด่าไว้ที่ภาพถ่ายของโจทก์ด้านหน้าว่าอีร้อยควย คนประหลาด ส่วนด้านหลังเขียนว่า อีหน้าด้าน อีตอแหล อีกากีอีแพศยา ดังนี้ แม้ข้อเท็จจริงจะรับฟังได้ว่าจำเลยได้นางยินดีเป็นภริยาอีกคนหนึ่งและรับเข้ามาอยู่ในบ้าน อันเป็นการเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิ่งอื่นฉันภริยาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516(1) และจำเลยหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์ตามมาตรา 1516(3) ตามที่โจทก์นำสืบ แต่ทั้งสองกรณีเหตุเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2519 ซึ่งโจทก์รู้ความจริงดังกล่าวภายในปีเดียวกัน โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2523 คดีโจทก์ย่อมขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1529 ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน จำเลยไม่แก้ฎีกา จึงไม่กำหนดค่าทนายความให้

Share