คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9251/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกอีก 5 คน มีเจตนาที่จะเอาเครื่องเชื่อมโลหะและเครื่องปั๊มลมซึ่งจำเลยมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของอยู่ด้วยไปเพื่อเป็นประโยชน์ของตน โดยเจ้าของรวมคนอื่นมิได้ยินยอม เมื่อจำเลยกับพวกขนเครื่องเชื่อมโลหะและเครื่องปั๊มลมขึ้นบนรถยนต์กระบะ ถือได้ว่าการลักทรัพย์สำเร็จอันเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ในเวลาต่อเนื่องกัน บ.เจ้าของรวมคนหนึ่งที่รู้เห็นการกระทำของจำเลยกับพวก ได้เข้าขัดขวางโดยขึ้นไปบนรถยนต์กระบะเพื่อเอาเครื่องปั๊มลมกลับคืน จึงถูกจำเลยผลักและพวกของจำเลยใช้เสียมตีที่ศีรษะเป็นเหตุให้ บ.หมดสติไป การที่จำเลยกับพวกอีก 5 คนร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย บ.ขณะที่การลักทรัพย์ยังไม่ขาดตอน ย่อมถือได้ว่าเป็นการชิงทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ซึ่งเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 340, 340 ตรี ริบของกลาง และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 11,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง ประกอบมาตรา 340 ตรี (ที่ถูก ประกอบมาตรา 340 ตรี, 83) จำคุก 20 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 15 ปี ริบของกลาง ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน 11,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคแรก ประกอบมาตรา 340 ตรี, 83 คงลงโทษจำคุก 15 ปี คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนและทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 7 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เครื่องเชื่อมโลหะและเครื่องปั๊มลมตามฟ้องจำเลยคงเพียงมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของด้วยเท่านั้น หาใช่เป็นของจำเลยแต่เพียงผู้เดียวหรือยู่ในความครอบครองดูแลของจำเลยแต่เพียงผู้เดียวไม่ ได้ความจากคำเบิกความของนายบัณฑิต บุษราคัม พยานโจทก์ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ ขณะที่พยานนอนเล่นอยู่ใต้ถุนบ้าน พยานได้ยินเสียงเปิดประตูร้านซ่อมรถจักรยานยนต์เห็นรถยนต์กระบะกับรถจักรยานยนต์อย่างละ 1 คัน จอดอยู่ที่หน้าร้าน มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังขนเครื่องเชื่อมโลหะและเครื่องปั๊มลม ซึ่งผู้เสียหายซื้อไว้ในบ้านให้คนในบ้านใช้รับซ่อมรถจักรยานยนต์เพื่อเลี้ยงชีพแต่ละคนไปขึ้นรถยนต์กระบะ พยานเดินเข้าไปสอบถามจำเลยซึ่งเป็นพี่ชายและอยู่ในกลุ่มคนดังกล่าวว่าจะเอาเครื่องปั๊มลมไปไหน จำเลยไม่ตอบ พยานจึงขึ้นไปบนรถยนต์กระบะเพื่อเอาเครื่องปั๊มลมลงมา แต่พยานถูกตีที่บริเวณศีรษะด้านหลังหมดสติไป เห็นว่า จำเลยกับพวกอีก 5 คนมีเจตนาที่จะเอาเครื่องเชื่อมโลหะและเครื่องปั๊มลมดังกล่าวไปเพื่อเป็นประโยชน์ของตนโดยเจ้าของรวมคนอื่นมิได้ยินยอม เมื่อจำเลยกับพวกขนเครื่องเชื่อมโลหะและเครื่องปั๊มลมขึ้นบนรถยนต์กระบะแล้ว ถือได้ว่าการลักทรัพย์เครื่องเชื่อมโลหะและเครื่องปั๊มลมสำเร็จอันเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลาต่อเนื่องกันนายบัณฑิตเจ้าของรวมคนหนึ่งซึ่งรู้เห็นการกระทำของจำเลยกับพวกได้เข้าขัดขวาง โดยขึ้นไปบนรถยนต์กระบะเพื่อเอาเครื่องปั๊มลมกลับคืน จึงถูกจำเลยผลักและพวกของจำเลยใช้เสียมตีที่ศีรษะเป็นเหตุให้นายบัณฑิตหมดสติไป การที่จำเลยกับพวกอีก 5 คนร่วมกันลักทรัพย์เครื่องปั๊มลมโดยใช้กำลังประทุษร้ายนายบัณฑิตขณะที่การลักทรัพย์ยังไม่ขาดตอน ย่อมถือได้ว่าเป็นการชิงทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ซึ่งเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์แล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share