คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3735-3739/2525

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

กระทรวงการคลังมอบที่ดินราชพัสดุให้กองทัพเรือใช้ประโยชน์เป็นที่ปลูกโรงเรือเก็บเรือพระราชพิธี เป็นที่ทำงานของกองทัพเรือ และใช้เป็นบ้านพักข้าราชการทหารเรือจึงเป็นทรัพย์สินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 เดิมจำเลยบุกรุก เข้ามาปลูกบ้านในที่พิพาท แล้วต่อมาได้ทำสัญญาอาศัยกับกองทัพเรือแม้จำเลยครอบครองมาช้านานเพียงใด ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาท

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 และบริวารออกไปจากที่พิพาท ให้รื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์ ถ้าไม่ยอมรื้อถอนให้โจทก์มีสิทธิรื้อถอนเองโดยให้จำเลยออกค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนให้จำเลยทุกคนใช้ค่าเสียหายเป็นรายเดือนแก่โจทก์ด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยทั้งห้าฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ตามข้อเท็จจริงต่าง ๆ ดังที่ได้วินิจฉัยมาเชื่อได้ว่าที่พิพาทอยู่ในโฉนดเลขที่ 582 ของโจทก์ ที่จำเลยทั้งห้านำสืบในคดีนี้ว่า ที่ดินของโจทก์ที่กองทัพเรือครอบครองใช้ประโยชน์อยู่มีแต่รั้วสังกะสีของโรงเรือราชพิธีซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของที่พิพาทนั้น เห็นว่ารั้วสังกะสีของโรงเรือราชพิธีนี้จำเลยที่ 5 เบิกความว่ายาวตลอดแนวเขตที่พิพาททางทิศตะวันออกประมาณ 70 เมตร หรือ 35 วา ที่พิพาทมี เนื้อที่ 1 ไร่ 6 ตารางวา ที่พิพาทจึงมีความกว้างจากรั้วสังกะสีดังกล่าวไปจดคลองครามประมาณ 11 วา เหตุที่กองทัพเรือไม่ทำรั้วสังกะสีดังกล่าวให้ไปจดคลองครามก็น่าจะเป็นว่าที่ดินตอนที่อยู่ชายคลองนั้นเป็นที่ลุ่มเป็นพงป่าดังที่จำเลยที่ 5 เบิกความว่าตอนที่จำเลยเข้าไปปลูกบ้านในที่พิพาทต้องหักร้างถางพงในบริเวณนั้น ขุดบ่อเอาดินขึ้นมาถมเหตุนี้กองทัพเรือจึงไม่ได้ทำรั้วสังกะสีลงไปจนถึงชายคลองคราม จึงหาได้ทำให้ที่ดินของโจทก์ตามโฉนดเลขที่ 582 ด้านทิศเหนือซึ่งติดคลองครามมีอาณาเขตเพียงแค่รั้วสังกะสีของโรงเรือราชพิธีดังที่จำเลยนำสืบไม่ แต่มีอาณาเขตจดคลองครามตามที่ได้ลงไว้ในโฉนดเลขที่ 582 ของโจทก์ ที่พิพาทจึงอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์ข้อนำสืบของจำเลยรับฟังไม่ได้ ที่ดินโฉนดดังกล่าวรวมทั้งที่พิพาท โจทก์ได้มอบให้กองทัพเรือใช้ประโยชน์เป็นที่ปลูกโรงเรือเก็บเรือพระราชพิธีเป็นที่ทำงานของกองทัพเรือ และใช้เป็นบ้านพักของข้าราชการทหารเรือ จึงเป็นทรัพย์สินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ จึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 เดิมจำเลยทั้งห้าได้บุกรุกเข้ามาปลูกบ้านอาศัยในที่พิพาท แล้วต่อมาได้ทำสัญญาอาศัยกับกองทัพเรือ แม้จำเลยทั้งห้าจะครอบครองมาช้านาน เพียงใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาท”

พิพากษายืน

Share