คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3731/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การจดทะเบียนคณะกรรมการของสหภาพแรงงานเป็นเพียงวิธีการทางกฎหมายเพื่อให้ปรากฏหลักฐานทางทะเบียน เมื่อที่ประชุมใหญ่ของสหภาพแรงงานได้ลงมติแต่งตั้งคณะกรรมการสหภาพแรงงาน และนายจ้างได้ทราบผลการประชุมของคณะกรรมการ สหภาพฯดังกล่าวแล้วว่า ผู้ใดได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการบริหารสหภาพแรงงานบ้าง จึงถือได้ว่าคณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งดังกล่าวเป็นคณะกรรมการสหภาพแรงงานตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 แล้วจึงมีอำนาจตั้งคณะกรรมการลูกจ้างได้ จำเลยไม่อาจลงโทษโจทก์ซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้างโดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาลแรงงาน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลย และเป็นกรรมการลูกจ้างจำเลยมีคำสั่งลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2535 ลงโทษโจทก์ด้วยการว่ากล่าวตักเตือนเป็นหนังสือโดยมิได้รับอนุญาตจากศาลแรงงาน เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 52 ขอให้เพิกถอนคำสั่งลงโทษดังกล่าว
จำเลยให้การว่า โจทก์กระทำผิดข้อบังคับการทำงาน จำเลยจึงลงโทษบริษัทจำเลยมีสหภาพแรงงานโอเรียนประเทศไทย ในเดือนกันยายน 2534 ได้มีการประชุมสามัญประจำปีของสหภาพ แต่มิได้แจ้งผลการประชุมว่าแต่งตั้งผู้ใดเป็นกรรมการสหภาพแรงงานให้จำเลยทราบต่อมาวันที่ 8 ตุลาคม 2534 จึงได้แจ้งให้จำเลยทราบว่าได้แต่งตั้งโจทก์เป็นกรรมการลูกจ้าง จำเลยสอบถามจึงทราบจากนายทะเบียนสำนักงานทะเบียนประจำจังหวัดชลบุรีว่า ไม่สามารถจดทะเบียนผู้เป็นกรรมการสหภาพแรงงานดังกล่าวได้ เพราะสหภาพแรงงานขาดส่งเอกสารบางอย่าง เมื่อกรรมการสหภาพแรงงานยังมิได้จดทะเบียนให้ถูกต้องจึงไม่สามารถตั้งกรรมการลูกจ้างได้ โจทก์จึงมิใช่กรรมการลูกจ้างจำเลยไม่ต้องร้องขอต่อศาลแรงงานเพื่อขอลงโทษโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ลงโทษโจทก์โดยการว่ากล่าวตักเตือนเป็นหนังสือ
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่จำเลยอุทธรณ์ว่าคณะกรรมการสหภาพแรงงานโอเรียนประเทศไทย ซึ่งเป็นนิติบุคคลได้มีการประชุมใหญ่เลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสหภาพแรงงานโดยมิได้มีการจดทะเบียนรับรองการเป็นกรรมการ คณะกรรมการบริหารสหภาพดังกล่าวจึงไม่มีอำนาจกระทำการแทนสหภาพ และไม่มีอำนาจตั้งคณะกรรมการลูกจ้างซึ่งมีโจทก์ร่วมอยู่ด้วย จำเลยจึงลงโทษโจทก์ร่วมได้โดยไม่ต้องขออนุญาตต่อศาลแรงงานกลางก่อนนั้น เห็นว่า การจดทะเบียนคณะกรรมการของสหภาพแรงงานเป็นเพียงวิธีการทางกฎหมาย เพื่อให้ปรากฏหลักฐานทางทะเบียนเท่านั้น ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ที่ประชุมใหญ่ของสหภาพแรงงานโอเรียนประเทศไทยได้ลงมติแต่งตั้งคณะกรรมการสหภาพแรงงาน และจำเลยได้ทราบผลการประชุมของคณะกรรมการสหภาพแรงงานโอเรียนประเทศไทยดังกล่าวแล้วว่าผู้ใดได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการบริหารสหภาพแรงงานนี้ จึงถือได้ว่าคณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งดังกล่าวเป็นคณะกรรมการสหภาพแรงงานตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 แล้ว จึงมีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการลูกจ้างรวมทั้งโจทก์ได้และตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518มาตรา 52 ได้บัญญัติไว้ว่า “ห้ามมิให้นายจ้าง เลิกจ้าง ลดค่าจ้างลงโทษ ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการลูกจ้าง… เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลแรงงาน” ดังนั้น จำเลยจึงไม่อาจลงโทษโจทก์ซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้างด้วยการว่ากล่าวตักเตือนเป็นหนังสือโดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาลแรงงานกลางก่อน ที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของจำเลยฉบับลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2535 นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share