แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่สินค้าของโจทก์ขาดหายไปนั้น แม้จะเป็นเพราะพนักงานของโจทก์ยักยอกเอาไป แต่ก็เป็นผลมาจากการปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้จัดการของโจทก์ ไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับของสหกรณ์โจทก์อย่างเคร่งครัดตามสมควร โดยมิได้จัดวางระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้รัดกุมและมิได้ตรวจตรา ดู แล เจ้าหน้าที่ใต้ บังคับบัญชาให้ปฏิบัติงานโดยซื่อสัตย์ สุจริต ตลอดจนมิได้ตรวจสอบสินค้าของโจทก์โดยสม่ำเสมอ เป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้พนักงานของโจทก์ยักยอกสินค้าของโจทก์ไปอันเป็นการกระทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมาย ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 มีส่วนเป็นผู้กระทำละเมิดต่อโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 420.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จ้างจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการร้านของโจทก์โดยมีจำเลยที่ 2 และ 3 เป็นผู้ค้ำประกัน โดยจำเลยที่ 2 ได้จำนองที่ดิน 2 แปลงไว้กับโจทก์ จำเลยที่ 1 ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้สินค้าของโจทก์ขาดหายไป ขอให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินพร้อมดอกเบี้ย หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระ ให้จำเลยที่ 2 และ 3ชำระแทน ให้ยึดทรัพย์จำนองคือที่ดินโฉนดเลขที่ 8009 และ 8010พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การว่าเหตุเกิดเนื่องจากความประมาทเลินเล่อของโจทก์เอง ความเสียหายเกิดจากลูกจ้างของโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่คดีของโจทก์ขาดอายุความแล้ว ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกมาไม่ถูกต้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระ ให้จำเลยที่ 2และจำเลยที่ 3 ร่วมกันชำระแทนจนครบ ให้บังคับยึดจำนองคือโฉนดที่ดินเลขที่ 8009 และ 8010 พร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้าง ขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ในปัญหาที่ว่าจำเลยทั้งสามจะต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ปัญหานี้ จำเลยทั้งสามฎีกาอ้างเหตุขึ้นมาเพียงข้อเดียวว่าจำเลยที่ 1 มิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยทั้งสามจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ข้อเท็จจริงปรากฏตามข้อบังคับของร้านสหกรณ์โจทก์ เอกสารหมาย จ.8 ข้อ 50 ว่าด้วยอำนาจแล้วหน้าที่ของผู้จัดการมรดกโจทก์มีใจความสำคัญว่า ผู้จัดการจะต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดการทั้งหมดของร้านสหกรณ์ มีอำนาจบรรลุ และกำหนดหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ จัดวางระเบียบเกี่ยวกับการปกครองและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ตลอดจนตรวจตราดูแลบรรดาสินค้าของร้านสหกรณ์ให้อยู่ในสภาพดีและปลอดภัย และเมื่อพิจารณาประกอบกับสัญญาที่โจทก์ว่าจ้างจำเลยที่ 1 ตามเอกสารหมาย จ.4 ซึ่งกำหนดไว้ว่าจำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดต่อโจทก์ หากจำเลยที่ 1 ก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นไม่ว่าโดยเหตุใด แสดงให้เห็นว่า จำเลยที่ 1มีหน้าที่สำคัญในการตรวจตราดูแลบรรดาสินค้าของโจทก์ให้ปลอดภัยด้วยเพื่อไม่ให้โจทก์ได้รับความเสียหาย มิฉะนั้นจำเลยที่ 1 ก็จะต้องรับผิดต่อโจทก์ ดังนั้นการที่สินค้าตามฟ้องขาดหายไปนั้น แม้จะเป็นเพราะพนักงานของโจทก์ยักยอกเอาไป แต่ก็เป็นผลมาจากการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยที่ 1 โดยประมาทเลินเล่อ ไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับของสหกรณ์โจทก์อย่างเคร่งครัดตามสมควร กล่าวคือ มิได้จัดวางระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้รัดกุมและมิได้ตรวจตราดูแลเจ้าหน้าที่ใต้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติงานโดยซื่อสัตย์สุจริตตลอดจนมิได้ตรวจสอบสินค้าของโจทก์โดยสม่ำเสมอ เป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้พนักงานของโจทก์ยักยอกสินค้าของโจทก์ไป อันเป็นการกระทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมาย ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 มีส่วนเป็นผู้กระทำละเมิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ด้วย ดังนั้นจำเลยทั้งสามจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.