คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3721/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติ ญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มีบทบัญญัติเรื่องการขอให้ศาลยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาไว้โดยเฉพาะตามมาตรา 17 แล้ว โดยขอให้พิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ชั่วคราวซึ่งจะขอได้ก็แต่ในกรณีก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดเท่านั้น และเมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้วมาตรา 19 วรรคแรก บัญญัติให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ายึดดวงตราสมุดบัญชีและเอกสารของลูกหนี้ และบรรดาทรัพย์สินซึ่งอยู่ในความครอบครองของลูกหนี้หรือของผู้อื่นอันอาจแบ่งได้ในคดีล้มละลายการที่โจทก์ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ยึดและอายัดทรัพย์ของจำเลยไว้ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ภาค 3 แม้โจทก์จะอ้างว่าเป็นการขอคุ้มครองประโยชน์ตามมาตรา 264 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ประกอบด้วยมาตรา 153พระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ.2483 ก็ตาม แท้จริงก็เป็นการขอให้ศาลยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ก่อนพิพากษานั่นเอง จึงนำบทบัญญัติว่าด้วยการยึดทรัพย์ของจำเลยก่อนพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับไม่ได้

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาโดยขอให้ยึดหรืออายัดทรัพย์ของจำเลย
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งให้ยกคำร้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาว่ามีเหตุสมควรยึดหรืออายัดทรัพย์สินของจำเลยเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 17 บัญญัติว่า “ก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์จะยื่นคำขอฝ่ายเดียวโดยทำเป็นคำร้อง ขอให้พิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ชั่วคราวก็ได้ เมื่อศาลได้รับคำร้องนี้แล้วให้ดำเนินการไต่สวนต่อไปโดยทันทีถ้าศาลเห็นว่าคดีมีมูล ก็ให้สั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ชั่วคราว..”ซึ่งจะขอได้ก็แต่ในกรณีก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดเท่านั้น และเมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้วมาตรา 19 วรรคแรก บัญญัติว่า “คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ให้ถือเสมือนว่าเป็นหมายของศาลให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ายึดดวงตรา สมุดบัญชีและเอกสารของลูกหนี้ และบรรดาทรัพย์สินซึ่งอยู่ในความครอบครองของลูกหนี้หรือของผู้อื่นอันอาจแบ่งได้ในคดีล้มละลาย” นอกจากนี้การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายนั้นพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483 มาตรา 153 บัญญัติว่า “…ส่วนใดที่พระราชบัญญัตินี้มิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะ ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม” คดีนี้โจทก์ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ยึดและอายัดทรัพย์ของจำเลยไว้ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ภาค 3 แม้โจทก์จะอ้างว่าเป็นการขอคุ้มครองประโยชน์ตามมาตรา 264 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ประกอบด้วยมาตรา 153 พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ก็ตาม แท้จริงก็เป็นการขอให้ศาลยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ก่อนพิพากษานั่นเอง ซึ่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มีบทบัญญัติไว้โดยเฉพาะดังกล่าวมาแล้ว จึงจะนำบทบัญญัติว่าด้วยการยึดทรัพย์ของจำเลยก่อนพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับไม่ได้ และตามคำร้องของโจทก์ก็มิใช่เป็นการขอให้คุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณาที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งให้ยกคำร้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน

Share