คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 372/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่กฎหมายบัญญัติให้ผู้ให้เช่านาจะขายนาได้ต่อเมื่อได้แจ้งเป็นหนังสือให้ผู้เช่านาทราบพร้อมทั้งราคาที่จะขายและวิธีการชำระเงินนั้นก็เพื่อให้โอกาสแก่ผู้เช่านามีสิทธิซื้อนาแปลงที่ตนเช่าก่อนบุคคลอื่นเท่านั้น ที่โจทก์ผู้ให้เช่านาขายนาไปโดยไม่ได้แจ้งเป็นหนังสือให้จำเลยผู้เช่านาทราบนั้นไม่เป็นการผิดสัญญาเช่าเพราะการเช่านาไม่ระงับไป โดยผู้ซื้อต้องรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ที่มีต่อจำเลยตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มาตรา 29 และไม่เป็นการละเมิดเพราะจำเลยมีสิทธิที่จะซื้อนาจากผู้ซื้อในราคาและตามวิธีการชำระเงินที่โจทก์ได้ขายให้แก่ผู้ซื้อไปตามมาตรา 41 วรรค 4

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้เช่านาจากจำเลย จำเลยทำสัญญาขายหน้าดินให้ผู้อื่นขุดดินในที่นาที่โจทก์เช่าโดยมิได้บอกกล่าวให้โจทก์ทราบ ทำให้โจทก์ทำนาไม่ได้ ขอให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหาย

จำเลยให้การว่าได้ขายนาแปลงพิพาทไปก่อนมีการขุดดิน ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า การที่กฎหมายบัญญัติให้ผู้ให้เช่านาจะขายนาได้ต่อเมื่อได้แจ้งเป็นหนังสือให้ผู้เช่านาทราบพร้อมทั้งราคาที่จะขายและวิธีการชำระเงินนั้นก็เพื่อให้โอกาสแก่ผู้เช่านามีสิทธิซื้อนาแปลงที่ตนเช่าก่อนบุคคลอื่นเท่านั้น การที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ให้เช่านาขายนาไป โดยไม่ได้แจ้งเป็นหนังสือให้ผู้เช่านาแปลงนั้นทราบนั้น ไม่เป็นการผิดสัญญาเช่า เพราะการเช่านาไม่ระงับไป โดยผู้รับโอนต้องรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนที่มีต่อผู้เช่าตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 29 และไม่เป็นการละเมิดเพราะผู้เช่านามีสิทธิที่จะซื้อนาจากผู้ซื้อในราคาและวิธีการชำระเงินที่ผู้ให้เช่าได้ขายให้แก่ผู้ซื้อไปตามมาตรา 41 วรรคสี่ และเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ที่ขุดดินจนทำให้โจทก์ไม่อาจทำนาได้คือนายสัญญา ไม่ใช่จำเลย และจำเลยมิได้ยินยอมหรือร่วมกับนายสัญญาในการทำละเมิด จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์

พิพากษายืน

Share