คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3715-3716/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงชื่อโจทก์เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินโฉนดเลขที่ 454 ซึ่งเป็นสินสมรส เป็นกรณีที่โจทก์ซึ่งเป็นสามีร้องขอให้ลงชื่อโจทก์เป็นเจ้าของรวมในเอกสารตาม ป.พ.พ. มาตรา 1475 ซึ่งสิทธิดังกล่าวเป็นสิทธิเฉพาะตัวของสามีหรือภริยาแล้วแต่กรณี เมื่อโจทก์ถึงแก่กรรมไปแล้ว จึงไม่อาจใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของรวมได้ คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย อย่างไรก็ตาม คำขอของโจทก์ดังกล่าวพอจะถือได้ว่าขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์รวมครึ่งหนึ่งในฐานะสินสมรสซึ่งโจทก์มีสิทธิกึ่งหนึ่งเฉพาะทรัพย์สินที่คงเหลืออยู่ เมื่อโจทก์ถึงแก่ความตายจึงย่อมเป็นมรดกตกได้แก่ทายาท

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวน ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษารวมกัน โดยให้เรียกผู้ร้องในสำนวนคดีแรกและโจทก์ในสำนวนคดีหลังว่าโจทก์ เรียกผู้คัดค้านในคดีแรกและจำเลยในคดีหลังว่าจำเลย
สำนวนคดีแรกโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการสินสมรสแต่เพียงผู้เดียวหรือสั่งให้แยกสินสมรสกัน
จำเลยยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้องขอ
สำนวนคดีหลังโจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยา ให้จำเลยลงชื่อโจทก์เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินเลขที่ 454 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง หากจำเลยไม่ดำเนินการ ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาหรือมิฉะนั้นให้จำเลยชดใช้ราคาเป็นเงิน 30,000,000 บาท ให้จำเลยแบ่งทรัพย์สินซึ่งเป็นสินสมรสให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง
จำเลยให้การและฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้องโจทก์และให้จำเลยหย่าขาดจากโจทก์
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ระหว่างพิจารณาคดีนัดสืบพยานจำเลย โจทก์ถึงแก่กรรม นางกลิกา บุตรของโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยลงชื่อโจทก์เป็นผู้ถือสิทธิ์ร่วมในโฉนดที่ดินเลขที่ 454 ตำบลบางยี่ขัน อำเภอบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 107 ตำบลบางยี่ขัน อำเภอบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร หากจำเลยไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนา ส่วนคำขอให้จำเลยชดใช้ราคาเป็นเงินจำนวน 30,000,000 บาท นั้น เห็นว่า สูงเกินส่วนและโจทก์ไม่ได้นำสืบให้ฟังได้ว่าบ้านพร้อมที่ดินพิพาทมีราคาสูงถึงเพียงนั้นจึงให้ยกเสีย และให้จำเลยแบ่งทรัพย์สินภายในบ้านซึ่งประกอบด้วยเครื่องใช้ประจำบ้านและเครื่องกระเบื้องลายครามจีนเป็นรูปภาพคน แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง ทั้งนี้เฉพาะทรัพย์สินที่คงเหลืออยู่เท่านั้น หากไม่สามารถแบ่งให้โจทก์ได้กึ่งหนึ่งให้ขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งกึ่งหนึ่งแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า “หลังจากโจทก์และจำเลยได้ทำสัญญาแบ่งทรัพย์สินกันแล้ว ภายหลังต่อมาโจทก์ได้มีหนังสือบอกล้างสัญญาแบ่งทรัพย์สินนั้น สัญญาแบ่งทรัพย์สินจึงไม่มีผลอีกต่อไป ทรัพย์สินตามสัญญาแบ่งทรัพย์สินจึงกลับมาเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยดังเดิม เมื่อโจทก์ถึงแก่กรรมการสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยย่อมสิ้นสุดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1501 การคิดส่วนทรัพย์สินระหว่างโจทก์กับจำเลยมีผลตั้งแต่วันที่การสมรสสิ้นไปด้วยเหตุความตายนั้น และการแบ่งทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาให้อยู่ในข้อบังคับของบทบัญญัติว่าด้วยการหย่าโดยความยินยอมทั้งสองฝ่ายตามมาตรา 1625 สินสมรสของโจทก์กับจำเลยจึงแยกออกจากกันทันทีในวันที่โจทก์ตาย สินสมรสครึ่งหนึ่งเป็นมรดกของโจทก์ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นของจำเลยตามมาตรา 1533 สำหรับที่ดินตามโฉนดเลขที่ 454 ตำบลบางยี่ขัน อำเภอบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างนั้น ได้ความว่า โจทก์เคยจดทะเบียนยกให้เป็นสินส่วนตัวแก่จำเลย แต่ต่อมาในปี 2540 โจทก์ได้มีหนังสือบอกล้างสัญญาให้ดังกล่าว ที่ดินโฉนดเลขที่ 454 จึงยังคงเป็นสินสมรสอยู่ เมื่อปรากฏตามฟ้องว่า โจทก์ขอให้ลงชื่อโจทก์เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินโฉนดเลขที่ 454 ซึ่งเป็นสินสมรส เป็นกรณีที่โจทก์ซึ่งเป็นสามีร้องขอให้โจทก์ลงชื่อเป็นเจ้าของรวมในเอกสารตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1475 ซึ่งสิทธิดังกล่าวเป็นสิทธิเฉพาะตัวของสามีหรือภริยาแล้วแต่กรณี เมื่อโจทก์ถึงแก่กรรมไปแล้ว จึงไม่อาจใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของรวมได้ คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์สินดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่อย่างไรก็ตาม คำขอของโจทก์ดังกล่าวพอจะถือได้ว่าขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์รวมครึ่งหนึ่งในฐานะสินสมรส ส่วนทรัพย์สินภายในบ้านเลขที่ 107 ตำบลบางยี่ขัน อำเภอบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ซึ่งประกอบด้วยเครื่องใช้ประจำบ้านและเครื่องกระเบื้องลายครามจีนเป็นรูปภาพคน ข้อเท็จจริงฟังยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์จำเลย โจทก์มีสิทธิกึ่งหนึ่งเฉพาะทรัพย์สินที่คงเหลืออยู่ เมื่อโจทก์ถึงแก่ความตายย่อมเป็นมรดกตกได้แก่ทายาท ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน ส่วนฎีกาของโจทก์ข้ออื่นไม่เป็นสาระแก่คดี จึงไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่มีผลทำให้คดีเปลี่ยแปลง”
พิพากษาแก้เป็นว่า ที่ดินตามโฉนดเลขที่ 454 ตำบลบางยี่ขัน อำเภอบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นสินสมรส และให้จำเลยแบ่งทรัพย์สินภายในสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 107 ตำบลบางยี่เรือ อำเภอบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ซึ่งประกอบด้วยเครื่องใช้ประจำบ้านและเครื่องกระเบื้องลายครามจีนเป็นรูปภาพคน แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง ทั้งนี้เฉพาะทรัพย์สินที่คงเหลืออยู่ หากไม่สามารถแบ่งให้โจทก์ได้กึ่งหนึ่งให้ขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่งอันเป็นมรดกตกได้แก่ทายาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share