คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3722/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

จำเลยฎีกาว่า คดีของจำเลยมีทุนทรัพย์และค่าธรรมเนียมศาลสูงมาก จำเลยหาเงินยังไม่ครบ มีเอกสารหมายหลายฉบับที่ต้องใช้เวลาในการจัดทำ เป็นฎีกาที่ไม่ได้โต้แย้งหรือคัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ว่าไม่ถูกต้องในข้อใดอย่างไร และที่ถูกต้องควรจะเป็นอย่างไร เป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง และที่จำเลยฎีกาว่าคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ของจำเลยมิได้เป็นการขอขยายระยะเวลาโดยอ้างว่ามีพฤติการณ์พิเศษตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23 แต่เป็นการขออนุญาตให้ศาลชั้นต้นใช้อำนาจทั่วไปตามกฎหมายนั้นก็เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ภาค 1 โดยชอบ จึงต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 9,863,488.08 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 10 ต่อปี ในต้นเงิน 8,094,687.96 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ชำระหนี้หรือชำระหนี้ไม่ครบให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนครบถ้วน หากได้เงินสุทธิไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยนำออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งแรกเป็นเวลา 45 วัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต และจำเลยยื่นขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่สองออกไปอีก 30 วัน นับแต่วันครบกำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นอนุญาตครั้งแรก
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีไม่มีพฤติการณ์พิเศษ ไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า คดีนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์สูง และค่าธรรมเนียมศาลก็มีจำนวนสูงมาก จำเลยพยายามหาเงินค่าฤชาธรรมเนียมศาลแล้วแต่ยังไม่ครบ ประกอบกับมีเอกสารหลายฉบับซึ่งต้องใช้เวลาในการจัดทำอุทธรณ์ศาลชั้นต้นควรให้โอกาสจำเลยขยายระยะเวลาอุทธรณ์นั้น เห็นว่า เหตุแห่งการขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ดังที่จำเลยกล่าวมาในฎีกาดังกล่าว เป็นไปในทำนองเดียวกับที่จำเลยกล่าวไว้ในอุทธรณ์อันเป็นการโต้แย้งคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้น ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 ก็ได้วินิจฉัยไว้โดยละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ข้อความที่จำเลยกล่าวมาในฎีกาดังกล่าวไม่ได้โต้แย้งหรือคัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ว่าไม่ถูกต้องในข้อใดอย่างไร และที่ถูกต้องควรจะเป็นอย่างไร จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ส่วนที่จำเลยอ้างในฎีกาว่าคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ของจำเลยมิได้เป็นการขอขยายระยะเวลาโดยอ้างเหตุว่ามีพฤติการณ์พิเศษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 แต่เป็นการขออนุญาตให้ศาลชั้นต้นใช้อำนาจทั่วไปตามกฎหมายนั้น เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ภาค 1 โดยชอบต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง อีกเช่นกัน ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาจำเลย

Share