แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
กฎหมายล้มละลายเป็นกฎหมายพิเศษมีวัตถุประสงค์ที่จะคุ้มครองบรรดาเจ้าหนี้ให้ได้รับชำระหนี้หรือได้รับส่วนแบ่งอย่างเป็นธรรม ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้เกินกว่าที่จำเลยทั้งสองต้องรับผิดเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะมิได้โต้แย้งมาก่อน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ย่อมยกขึ้นฎีกาได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคสอง ประกอบด้วยพ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 153.
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองขอให้ล้มละลายวันที่ 19 พฤษภาคม 2530 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาด วันที่ 22 กรกฎาคม 2530 บริษัทธนาคารกสิกรไทย จำกัดยื่นคำขอรับชำระหนี้ อันดับ 1 หนี้ค้ำประกันเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีของบริษัทอลายด์ชิปปิ้ง จำกัด จำนวนเงิน 12,338,513.72 บาทอันดับ 2 หนี้ค้ำประกันหนี้สินทุกประเภทของบริษัทอลายด์ชิปปิ้งจำกัด จำนวนเงิน 6,740,893.83 บาท และอันดับ 3 หนี้เงินกู้ต้นเงิน และดอกเบี้ย จำนวนเงิน 3,388,086.10 บาท รวมเป็นจำนวนเงิน22,467,493.65 บาท จากกองทรัพย์สินของจำเลยทั้งสอง
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ ตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 104 แล้ว ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้ว เห็นว่า จำเลยที่ 1เป็นหนี้ตามสัญญาค้ำประกันและสัญญากู้รวมเป็นจำนวนเงิน12,388,086.10 บาท จำเลยที่ 2 เป็นหนี้ตามสัญญาค้ำประกันจำนวนเงิน 9,000,000 บาท เห็นควรให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 เป็นจำนวนเงิน 12,388,086.10 บาทจากกองทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 เป็นจำนวนเงิน 9,000,000 บาท…
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า หนี้อันดับ 1 ให้เจ้าหนี้ได้รับชำระดอกเบี้ยร้อยละ 12.5 ต่อปี ของต้นเงิน 4,000,000 บาทนับแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2526 ถึงวันที่จำเลยทั้งสองถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจากกองทรัพย์สินของจำเลยทั้งสอง โดยให้รับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม… และให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้อันดับ 2 เพียง6,740,893.83 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้น
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกาขอให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้อันดับ 2 เพียง จำนวนเงิน 5,784,841.92 บาท
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…จากคำให้การของพยานเจ้าหนี้มีน้ำหนักและเหตุผลฟังได้ว่าบริษัทอลายด์ชิปปิ้ง จำกัด ยังคงค้างชำระเฉพาะดอกเบี้ยแก่เจ้าหนี้เท่านั้น ที่เจ้าหนี้อ้างว่าเงินจำนวน5,784,841.92 บาท มีต้นเงินรวมอยู่ด้วยจึงรับฟังไม่ได้ เจ้าหนี้คงมีสิทธิได้รับชำระหนี้อันดับ 2 เพียงจำนวนเงิน 5,784,841.92 บาทจากกองทรัพย์สินของจำเลยทั้งสอง
ที่เจ้าหนี้แก้ฎีกาว่า…เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะกลับมาฎีกาลดจำนวนสิทธิของเจ้าหนี้ให้ต่ำลงไปอีก จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นเห็นว่ากฎหมายล้มละลายเป็นกฎหมายพิเศษมีวัตถุประสงค์ที่จะคุ้มครองบรรดาเจ้าหนี้ให้ได้รับชำระหนี้หรือได้รับส่วนแบ่งอย่างเป็นธรรมที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้อันดับ 2 มากไปกว่าที่จำเลยทั้งสองต้องรับผิดนั้นเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะมิได้โต้แย้งมาก่อนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ย่อมยกขึ้นฎีกาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา249 วรรคสอง ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 153…”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้อันดับ 2 เพียง5,784,841.92 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.