คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 370/2527

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยมีปากเสียงชกต่อย ค. ด้วยสาเหตุปักใจเชื่อว่าค. เป็นคนร้ายฆ่าบิดาตน จำเลยสู้ไม่ได้และกลับไปก่อน ต่อมาอีก 30 นาที ค. ขี่รถจักรยานกลับบ้านมี ป. นั่งซ้อนท้ายไปด้วย จำเลยดักซุ่มอยู่ในป่าข้างทางใช้ปืนแก๊ปยาวที่ถือติดมือมายิง ค. แต่กระสุนปืนพลาดไปถูก ป. ตาย ดังนี้ เป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ประกอบด้วยมาตรา 60

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4) ประกอบด้วย มาตรา 60 ให้ระวางโทษประหารชีวิต รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกตลอดชีวิต ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 288 จำคุก 10 ปี โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์จำเลยนำสืบรับกันฟังได้ว่าในวันเกิดเหตุ นายคำพันธ์และจำเลยต่างไปช่วยเกี่ยวข้าวที่นานายเรียน เสร็จแล้วนายเรียนได้เลี้ยงอาหารและสุรา ในระหว่างดื่มสุรา จำเลยและนายคำพันธ์ พลชรินทร์ เกิดมีปากเสียงถึงขนาดชกต่อยกันด้วยสาเหตุจำเลยปักใจเชื่อว่านายคำพันธ์เป็นคนร้ายฆ่าบิดาตน จำเลยสู้นายคำพันธ์ไม่ได้ และได้กลับไปก่อนหน้านายคำพันธ์โดยถือปืนแก๊ปยาวไปด้วย และได้กล่าวอาฆาตว่าถ้าใครตามมาจะยิงหัวเอา หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง ขณะนายคำพันธ์ขี่รถจักรยานกลับบ้านโดยมีนางปนนั่งซ้อนท้ายไปด้วย จำเลยซึ่งดักซุ่มอยู่ในป่าข้างทางได้ใช้ปืนแก๊ปยาวที่ถือติดมือมายิงนายคำพันธ์ แต่กระสุนปืนพลาดไปถูกนางปนถึงแก่ความตายคดีคงมีปัญหาตามข้อฎีกาของโจทก์ว่าการกระทำผิดของจำเลยเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ เห็นว่าจำเลยมีความโกรธแค้นนายคำพันธ์มาก่อนไม่เพียงแต่สาเหตุที่จำเลยเชื่อว่านายคำพันธ์ฆ่าบิดาตนเท่านั้น และยังโกรธแค้นนายคำพันธ์ที่ชกต่อยจำเลยในวันเกิดเหตุโดยพูดอาฆาตว่า ถ้าใครตามมาจะยิงหัวเอา แล้วจำเลยก็กลับบ้านไปก่อน หลังจากนั้นประมาณ 30 นาที นายคำพันธ์ก็กลับบ้านโดยจำเลยทราบอยู่ก่อนแล้วว่า นายคำพันธ์จะต้องผ่านมาทางเดียวกับจำเลย การที่จำเลยหยุดคอยดักซุ่มอยู่เพื่อจะยิงนายคำพันธ์นั้น ย่อมเห็นได้ว่าจำเลยมีความเคียดแค้นคุกรุ่นอยู่ในใจตลอดมาในการตกลงใจกระทำความผิด การที่จำเลยใช้อาวุธปืนที่ติดมือมายิงนายคำพันธ์จึงมิใช่ยิงเพราะเกิดโทสะพลุ่งขึ้นเฉพาะหน้าในขณะนั้นเอง หากแต่คิดไตร่ตรองและตัดสินตกลงใจก่อนแล้วจึงลงมือกระทำความผิดในภายหลัง การกระทำผิดของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการกระทำผิดของจำเลยเกิดขึ้นในขณะนั้นเอง หาได้มีการวางแผนไตร่ตรองไว้ก่อนแต่อย่างใดไม่นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4) ประกอบด้วยมาตรา 60 ให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share