คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 370/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ลูกสุกรเกิดจากสุกรพ่อและสุกรแม่ซึ่งเลี้ยงไว้ในระหว่างเจ้ามรดกยังมีชีวิตอยู่แต่เกิดเมื่อเจ้ามรดกตายแล้วลูกสุกรและเงินที่ขายลูกสุกรได้ก็เป็นสินสมรสระหว่างเจ้ามรดกกับภรรยาส่วนของเจ้ามรดกตกเป็นมรดก ทายาทมีส่วนแบ่งในสุกรพ่อและสุกรแม่อย่างไรก็มีส่วนแบ่งในลูกสุกรหรือเงินที่ขายได้อย่างนั้น
แม้จะขายลูกสุกรเหล่านี้ไปหลังจากเจ้ามรดกตาย 2 ปีเศษทายาทก็มีสิทธิขอแบ่งมรดกตามราคาที่ขายได้ (ไม่ใช่ตามราคาของลูกสุกรเมื่อแรกเกิด) ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงสุกรจนกระทั่งขายไปนั้น ทายาทผู้เป็นเจ้าของรวมต้องช่วยกันออกตามส่วนของตน ในเวลาแบ่งเจ้าของรวมผู้เป็นเจ้าหนี้จะเรียกให้เอาส่วนซึ่งจะได้แก่ลูกหนี้ชำระหนี้เสียก่อนก็ได้ ทายาทที่อ้างว่าตนออกค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงสุกรคนเดียว เมื่อถูกทายาทอื่นฟ้องขอแบ่งมรดกเงินค่าขายสุกรชอบที่จะขอหักค่าใช้จ่ายนี้มาในคำให้การ

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ซึ่งเป็นบุตรของนายสนั่นเจ้ามรดก ฟ้องขอแบ่งมรดกจากจำเลยซึ่งเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายสนั่นตั้งแต่ก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 มีปัญหาขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะทรัพย์รายการที่ 4 คือ เงินค่าขายสุกร คู่ความรับกันว่าสุกรมี 9 ตัว ขายไปในราคา 4,916 บาท และได้ความว่าสุกร 9 ตัวนี้เกิดจากสุกรพ่อและสุกรแม่ซึ่งเลี้ยงไว้ในระหว่างที่นายสนั่นยังมีชีวิตอยู่แต่เกิดเมื่อนายสนั่นตายแล้วได้ 7 วัน เพิ่งขายไปหลังจากนายสนั่นตาย 2 ปีเศษ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า ลูกสุกร 9 ตัวนี้เป็นดอกผลธรรมดาของสุกรพ่อแม่ซึ่งเป็นสินสมรส จึงเป็นสินสมรสเงินค่าขายสุกรย่อมเป็นสินสมรสด้วยตามลักษณะช่วงทรัพย์ โจทก์ผู้เป็นทายาทมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งในมรดกที่เป็นสินสมรสของนายสนั่น เงินค่าขายสุกร 4,916 บาทนี้ ให้คิดหักใช้สินเดิม 1,320 บาท ให้จำเลยก่อน ที่เหลือเป็นสินสมรสที่ต้องแบ่งตามกฎหมายลักษณะผัวเมียบทที่ 68 จำเลยมีสินเดิมฝ่ายเดียวได้ 2 ส่วน นายสนั่นไม่มีสินเดิมได้ส่วนเดียว สินสมรสส่วนของนายสนั่นเป็นมรดกตกได้แก่โจทก์ จำเลยผู้เป็นทายาทคนละกึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1633, 1635(1) โจทก์จึงมีสิทธิได้รับส่วนแบ่ง 1 ใน 6 เป็นเงิน 599 บาท 33 สตางค์

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาว่าลูกสุกรนี้เกิดภายหลังจากที่เจ้ามรดกตายแล้ว จึงไม่เป็นมรดกและหากว่าเป็นมรดก การคำนวณราคาต้องคำนวณราคาในวันแรกเกิดคือ ตัวละ 10 บาท เพราะที่ขายไปได้รวมราคาถึง 4,916 บาท ก็เพราะจำเลยเสียค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูเป็นเวลา 1 ปี ราคาส่วนที่เกินจาก 90 บาทนั้นไม่เป็นมรดกไปด้วย

ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อนายสนั่นตาย สุกรพ่อและสุกรแม่เป็นมรดกซึ่งโจทก์มีส่วนแบ่ง 1 ใน 6 อยู่แล้ว ลูกสุกรซึ่งเกิดจากสุกรอันเป็นมรดก ก็คงเป็นของทายาทตามส่วนเดิมอยู่นั่นเอง ส่วนค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงสุกร เจ้าของรวมต้องช่วยกันออกตามส่วนของตน ในเวลาแบ่งเจ้าของรวมผู้เป็นเจ้าหนี้จะเรียกให้เอาส่วนซึ่งจะได้แก่ลูกหนี้ชำระหนี้เสียก่อนก็ได้ แต่จำเลยมิได้เรียกให้โจทก์ชำระหนี้ค่าใช้จ่าย โดยมิได้ขอหักมาในคำให้การสู้คดี เมื่อมิได้เรียกร้องขอหักโดยอ้างว่าตนออกค่าใช้จ่ายคนเดียว จึงไม่มีประเด็นที่จะวินิจฉัยในข้อนี้ พิพากษายืน

Share