คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3696/2546

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ ได้นั้น จะต้องเป็นกรณีที่ศาลได้ไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแล้วมีคำสั่งยกคำร้องหรืออนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลบางส่วน ผู้ขอจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาลให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนได้แต่เมื่อคดีปรากฏว่าศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน จึงไม่มีการสืบพยานจำเลยทั้งสองในชั้นไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาเลย กรณีไม่ต้องด้วยบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าว จำเลยทั้งสองจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่
การดำเนินกระบวนพิจารณานับตั้งแต่จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาจนถึงชั้นฎีกานั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่จำเลยทั้งสองอ้างว่าเป็นคนยากจนไม่มีทรัพย์สินพอที่จะเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ กรณีจึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 วรรคท้าย เมื่อจำเลยทั้งสองเสียค่าธรรมเนียมศาลดังกล่าวมาจึงต้องคืนแก่จำเลยทั้งสองทั้งหมด

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 2,201,125.40 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 772,046.94 บาท นับถัดจากวันฟ้อง(วันที่ 1 พฤศจิกายน 2540) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1รับผิดต่อโจทก์ในเงินดังกล่าวจำนวน 1,389,620.06 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ15 ต่อปี ของต้นเงิน 530,777.86 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์ที่จำนองขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หากได้เงินไม่พอให้บังคับคดีจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองนำเงินมาชำระหนี้จนครบจำนวนตามส่วนที่จำเลยแต่ละคนต้องรับผิดดังกล่าว จำเลยทั้งสองอุทธรณ์โดยยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องวันที่ 20 กรกฎาคม 2544 วันนัดไต่สวน จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง และถือว่าจำเลยทั้งสองไม่มีพยานมาไต่สวนเพื่อให้ฟังได้ตามคำร้อง จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองมีฐานะยากจนไม่อนุญาตให้อุทธรณ์อย่างคนอนาถา หากจำเลยทั้งสองประสงค์จะอุทธรณ์ให้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายใน 15 วัน มิฉะนั้นถือว่าไม่ติดใจอุทธรณ์ จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่เพื่ออนุญาตให้จำเลยทั้งสองนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจน ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ยังมิได้มีการไต่สวนพยานในชั้นอุทธรณ์อย่างคนอนาถา จึงไม่มีเหตุที่จะอนุญาตให้จำเลยทั้งสองนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติม ไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ ให้ยกคำร้อง

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำสั่งให้ยกอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่า จำเลยทั้งสองมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ได้หรือไม่เห็นว่า การที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ ได้นั้น จะต้องเป็นกรณีที่ศาลได้ไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแล้วมีคำสั่งยกคำร้องหรืออนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลบางส่วน ผู้ขอจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาลให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนได้แต่คดีนี้ปรากฏว่าศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน จึงไม่มีการสืบพยานจำเลยทั้งสองในชั้นไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาเลย กรณีไม่ต้องด้วยบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าวจำเลยทั้งสองจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น

อนึ่ง ในการดำเนินกระบวนพิจารณานับตั้งแต่จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาจนถึงชั้นฎีกาดังกล่าวข้างต้นนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการที่จำเลยทั้งสองอ้างว่าเป็นคนยากจนไม่มีทรัพย์สินพอที่จะเสียค่าธรรมเนียมศาลซึ่งไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 วรรคท้าย”

พิพากษายืน หากจำเลยทั้งสองประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้นำค่าธรรมเนียมศาลมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันทราบคำพิพากษา ให้คืนค่าธรรมเนียมศาลที่จำเลยทั้งสองเสียมานับตั้งแต่ยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาจนถึงชั้นฎีกาแก่จำเลยทั้งสองทั้งหมด

Share