คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1794/2546

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ยื่นอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาต่อมาเจ้าหน้าที่รายงานต่อศาลชั้นต้นว่าจำเลยได้รับสำเนาอุทธรณ์และสำเนาคำร้องดังกล่าวแล้วมิได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์และคำคัดค้านภายในกำหนดเวลาตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นสั่งให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลอุทธรณ์แต่ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลชั้นต้นได้ส่งสำนวนไปศาลฎีกา โดยไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้พิจารณาว่าเป็นอุทธรณ์เฉพาะข้อกฎหมายและมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาได้หรือไม่ กรณียังถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 233 ทวิ วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาจึงไม่อาจพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ได้ ศาลฎีกาให้ส่งสำนวนคืนไปยังศาลชั้นต้นเพื่อพิจารณาคำร้องที่โจทก์ขออนุญาตยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 347,403.03 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 276,204.78 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยชำระหนี้เสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยชำระเบี้ยประกันภัยที่โจทก์ออกแทนจำเลยไปก่อนคืนให้แก่โจทก์ 1,377.09 บาท ทุกวันที่ 2 เมษายน ของทุกสามปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 2เมษายน 2547 เป็นต้นไป หากจำเลยไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วนให้นำทรัพย์สินที่จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ

จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 346,025.94 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 13 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 276,204.78 บาท นับถัดจากวันฟ้อง เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดห้องชุดเลขที่ 401/53 ชั้นที่ 3 อาคารเลขที่ 1 ชื่ออาคารชุดเศรษฐกิจแมนชั่นทะเบียนอาคารชุดเลขที่ 8/2540 ปลูกอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 6395 ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หากได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยบังคับชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 2,000 บาท คำขออื่นของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก

โจทก์อุทธรณ์โดยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ยื่นอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกา และตามรายงานเจ้าหน้าที่ลงวันที่ 3 เมษายน 2545 รายงานต่อศาลชั้นต้นว่าจำเลยได้รับสำเนาอุทธรณ์และสำเนาคำร้องดังกล่าวแล้วมิได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์และคำคัดค้านภายในกำหนดเวลาตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นเกษียนสั่งในรายงานดังกล่าวให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลอุทธรณ์ แต่ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลชั้นต้นได้ส่งสำนวนมายังศาลฎีกาเพื่อพิจารณา โดยไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้พิจารณาคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาว่าเป็นอุทธรณ์เฉพาะข้อกฎหมายและมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาได้หรือไม่กรณีเช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาจึงไม่อาจพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ตามบทบัญญัติดังกล่าวได้

ให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความของศาลฎีกา แล้วส่งสำนวนคืนไปยังศาลชั้นต้นเพื่อพิจารณาคำร้องที่โจทก์ขออนุญาตยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ ต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ”

Share