แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การเช่าที่ดินธรณีสงฆ์ของงวัดแม้แต่เดิมผู้เช่าจะได้ทำสัญญาต่อคณะกรมการอำเภอ ซึ่งเป็นผู้จัดการผลประโยชน์ของวัด แล้วต่อมาทางการได้โอนมาให้เจ้าอาวาสจัดการเอง เมื่อสัญญาเช่าสิ้นอายุและเจ้าอาวาสได้บอกเลิกการเช่าแล้ว ผู้เช่าไม่ออกไป เจ้าอาวาสยอมมีสิทธิมอบอำนาจให้ฟ้องขับไล่ผู้เช่าได้ ในฐานะที่เป็นเจ้าอาวาสมีอำนาจตามกฎหมายอยู่แล้ว จึงไม่จำต้องคำนึงถึงว่าการโอนมาให้เจ้าอาวาสจัดการเองนั้น ได้แจ้งให้ผู้เช่าทราบหรือไม่ และไม่ต้องมีการมอบหมายให้มีอำนาจฟ้องคดีอีกชั้นหนึ่ง
ย่อยาว
คดีสองสำนวนนี้ พระครู ป.เจ้าอาวาสวัดเฉลิมพระเกียรติได้มอบหมายให้ ท.เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองมีใจความว่า คณะกรมการอำเภอเมืองนนทบุรี ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้จัดการผลประโยชน์ของวัดได้ทำสัญญาให้จำเลยทั้ง ๒ เช่าที่นาที่สวนของวัดเฉลิมพระเกียรติ์ไปตามสัญญาท้ายฟ้อง ต่อมากระทรวงศึกษาได้โอนการจัดการผลประโยชน์จากคณะกรมการอำเภอเมืองนนทบุรี มาให้พระครู ป.เจ้าอาวาสจัดการเอง ครั้นสัญญาเช่าสิ้นอายุ พระครู ป.ได้บอกเลิกสัญญาการเช่าให้จำเลยออกไป จำเลยเพิกเฉยเสีย ขอให้ขับไล่จำเลยต่อสู้ว่า เมื่อกระทรวงศึกาาสั่งโอนไปให้เจ้าอาวาสจัดการเองนั้นไม่ได้แจ้งให้จำเลยทราบ และในคำสั่งมิให้มอบอำนาจให้เจ้าอาวาสมีอำนาจฟ้องคดี พระครู ป.ไม่มีสิทธิมอบอำนาจให้ฟ้อง
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงสมตามฟ้อง และเห็นพ้องกันว่า พระครู ป. มีสิทธิมอบอำนาจ ให้ท.ฟ้องคดีนี้ได้ ในฐานะที่พระครู ป. เป็นเจ้าอาวาส พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวาร
จำเลยทั้ง ๒ ฎีกา
ศาลฎีาเห็นว่า สัญญาเช่าปรากฏชัดว่า จำเลยเช่าที่นาที่สวนของวัดเฉลิมพระเกียรติ์โดยคณะกรมการอำเภอฯ เป็ฯผุ้ทำสัญญาเช่ากับจำเลยแทนวัด พระครู ป.มีสิทธิมอบอำนาจให้ฟ้องในคดีนี้ได้ เพราะเจ้าอาวาส มีอำนาจตามกฎหมายดูแลจัดการผลประโยชน์ตลอดจนดำเนินคดีแทนวัด ซึ่งเป็นนิติบุคคล ไม่จำเป็นต้องมีการมอบหมายให้มีอำนาจฟ้องคดีได้เฉพาะอีกชั้นหนึ่ง
พิพากษายืน