คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1777/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้จ้างนำไม้มาจ้างเลื่อยเป็นคราวๆ ตามราคาค่าจ้างที่ตกลงกัน แล้วผู้จ้างก็รับไม้ไปเป็นคราวๆ และชำระค่าจ้างเลื่อยให้เป็นคราวๆ การชำระค่าจ้างเลื่อยไม้นี้ก็หาได้ชำระตามจำนวนไม้ที่รับไปแต่ละคราวนั้นไม่ ดังนี้ ต้องถือว่าหนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่ผู้รับจ้างเกี่ยวด้วยไม้ที่อยู่ในครอบครองของผู้รับจ้าง ก็คือหนี้ค่าจ้างเลื่อยไม้ที่ผู้จ้างค้างชำระอยู่ทั้งหมด ฉะนั้นเมื่อผู้รับจ้างใช้สิทธิยึดหน่วงไม้ที่ผู้จ้างนำมาจ้างเลื่อยไว้ จำนวนหนึ่ง ก็ย่อมต้องถือว่ามีสิทธิยึดหน่วงไว้สำหรับค่าจ้างเลื่อยไม้รายก่อนๆที่ผู้จ้างรับไปแล้วด้วยไม่ใช่มีสิทธิยึดหน่วงเฉพาะค่าจ้างเลื่อยไม้จำนวนที่ยึดไว้เท่านั้น(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24/2493)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายยกเส่งได้นำซุงไม้ยางมาจ้างโจทก์เลื่อยเป็นไม้กระดาน และไม้เหลี่ยมจำนวนไม้ 170 แพ คิดเป็นค่าจ้างทั้งหมด 48,566 บาท 60 สตางค์ นายยกเส่งได้ชำระเงินค่าจ้างเลื่อยนี้บ้างแล้วเป็นเงิน 13,600 บาท และรับไม้ไปแล้วบางส่วนคงค้างค่าจ้างอยู่ 34,966 บาท 40 สตางค์ โดยโจทก์ยึดหน่วงไม้ที่นายยกเส่งมาจ้างเลื่อยนั้นไว้เป็นจำนวน 60 ตัน จนกว่านายยกเส่งจะชำระค่าจ้างครบ ครั้นวันที่ 4 ตุลาคม 2490 จำเลยอ้างว่าไม้ที่ยึดหน่วงไว้นั้นเป็นของจำเลย 50 ต้น จำเลยขอรับไม้ 50 ตันนี้ไปโดยทำหนังสือให้ไว้กับโจทก์ ดังปรากฏตามสำเนาท้ายฟ้อง รับรองว่าโจทก์มีสิทธิยึดหน่วงในจำนวนเงินค่าเลื่อยไม้ และรับรองว่าถ้าปรากฏว่าจำเลยจะต้องรับผิดในจำนวนเงินค่าจ้าง หากจะนำไม้ไปแล้วจำเลยก็จะรับผิดชำระให้ บัดนี้จำเลยไม่ยอมชำระค่าจ้างเลื่อยไม้คิดตามส่วนที่จำเลยรับไปจำนวน 50 ต้น เป็นเงิน 29,145 บาท 63 สตางค์จึงขอให้บังคับจำเลยใช้เงินจำนวนนี้พร้อมทั้งดอกเบี้ย

จำเลยปฏิเสธว่า นายยกเส่งไม่ได้ค้างชำระค่าจ้างเลื่อยไม้และโจทก์ยังยึดไม้ไว้อีก 10 ต้น ซึ่งเกินเงินค่าจ้างเลื่อยไม้จำนวน 60 ต้น ในที่สุดแม้จำเลยจะต้องรับผิด ก็ควรรับผิดแต่เพียงค่าจ้างเลื่อยไม้ 50 ต้นที่จำเลยรับเอาไปคิดได้ 4,500 บาทเท่านั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะเต็มตามฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้จำนวนเงินที่ให้จำเลยใช้แก่โจทก์เป็นเงิน29,138 บาท 66 สตางค์ นอกจากนั้นคงยืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า นายยกเส่งได้ค้างชำระค่าจ้างเลื่อยไม้อยู่จริงคดีคงมีปัญหาว่า โจทก์จะมีสิทธิยึดหน่วงเฉพาะค่าจ้างเลื่อยไม้50 ต้นที่จำเลยรับไป หรือจะมีสิทธิยึดหน่วงสำหรับค่าจ้างเลื่อยไม้รายนี้ ก่อน ๆ ที่นายยกเส่งได้รับไปแล้วด้วยนั้น ศาลฎีกาได้ปรึกษาโดยที่ประชุมใหญ่แล้ว มีมติว่า วิธีปฏิบัติระหว่างนายยกเส่งกับโจทก์ที่ปรากฏในคดีนี้ ไม่พึงแบ่งแยกได้ว่าค่าจ้างเลื่อยจำนวนไหนเกี่ยวกับไม้จำนวนใด เพราะปรากฏว่านายยกเส่งนำไม้มาจ้างเลื่อยเป็นคราว ๆ ไปตามราคาค่าจ้างเลื่อยที่ตกลงกัน แล้วนายยกเส่งก็รับไม้ไปเป็นคราว ๆ และชำระค่าจ้างเลื่อยให้เป็นคราว ๆ การชำระค่าจ้างเลื่อยไม้นี้ก็หาได้ชำระตามจำนวนไม้ที่รับไปแต่ละคราวนั้นไม้ ดังนี้จึงถือได้ว่าหนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่โจทก์เกี่ยวด้วยไม้ที่อยู่ในครอบครองของโจทก์ก็คือ หนี้ค่าจ้างเลื่อยไม้ที่นายยกเส่งค้างชำระอยู่ทั้งหมดนั้นเอง การที่จำเลยทำสัญญาเข้ารับผิดกับโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.25 นั้น จำเลยก็ทราบดีแล้วว่านายยกเส่งค้างชำระค่าเลื่อยไม้อยู่เป็นจำนวนเกินกว่าค้างจ้างเลื่อยไม้ 50 ต้น ฉะนั้นจำเลยจะเถียงว่า ตนควรรับผิดเฉพาะค่าจ้างเลื่อยไม้จำนวน 50 ต้นที่จำเลยรับไปหาได้ไม่ ที่ศาลล่างพิพากษาให้จำเลยชำระค่าจ้างเลื่อยไม้ที่นายยกเส่งค้างชำระโดยแบ่งส่วนเฉลี่ย 5 ใน 6 คือ คิดจากจำนวนไม้ 50 ต้น ที่จำเลยรับไปจากไม้ที่เหลืออยู่ 60 ต้น อันเป็นจำนวนเงินที่โจทก์ฟ้องเรียกนั้นชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share