แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ที่2เป็นผู้ครอบครองทรัพย์มรดกและไม่ปรากฏว่ามีทายาทคนใดแสดงตนเข้าครอบครองโดยให้โจทก์ที่2ครอบครองแทนจึงถือได้ว่าโจทก์ที่2ครอบครองเพื่อตนช่วงที่โจทก์ที่2ครอบครองไม่มีทายาทมาแสดงสิทธิขอรับมรดกตามสิทธิเลยจำเลยทั้งห้าเพิ่งยื่นคำร้องขอรับมรดกหลังจากเจ้ามรดกถึงแก่กรรมไปแล้วเป็นเวลาเกินกว่า10ปีจำเลยทั้งห้าย่อมสิ้นสิทธิเรียกร้องเอามรดกจากโจทก์ที่2ซึ่งเป็นทายาทด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1754วรรคสี่โจทก์ที่2จึงได้สิทธิครอบครองที่พิพาทแต่เพียงผู้เดียว
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ ทั้ง สอง เป็น บุตร ของ นาง เขียน นางเขียน มี ชื่อ ครอบครอง ที่ดิน น.ส. 3 เลขที่ 2 เล่ม ที่ 1 หน้า สำรวจ 177หมู่ ที่ 12 ตำบล บางตาเถร อำเภอสองพี่น้อง จังหวัด สุพรรณบุรี ร่วม กับ นาง ฉิ่ง นางเขียน ได้ ครอบครอง ส่วน ของ ตน โดย ทำนา ร่วม กับ โจทก์ ทั้ง สอง ตลอดมา ต่อมา นาง เขียน บอก ยก ที่ดิน ดังกล่าว ให้ โจทก์ ทั้ง สอง โจทก์ ทั้ง สอง ครอบครอง ทำนา ตลอดมา จน กระทั่ง นาง เขียน ถึงแก่กรรม เมื่อ ประมาณ ปี 2513 หลังจาก นั้น โจทก์ ทั้ง สอง ยัง คงครอบครอง ทำนา โดย สงบ โดย เปิดเผย และ ด้วย เจตนา เป็น เจ้าของติดต่อ กัน เป็น เวลา ถึง 20 ปี แล้ว ต่อมา เมื่อ วันที่ 5 มีนาคม 2533จำเลย ทั้ง ห้า ไป ขอรับ มรดก ที่ดิน ดังกล่าว ที่ สำนักงาน ที่ดิน อำเภอ สองพี่น้อง โจทก์ ทั้ง สอง ไป คัดค้าน จาก นั้น จำเลย ทั้ง ห้า ได้ บุกรุก เข้า ไป ปัก ไม้ ลง ใน ที่ดิน แย่ง การ ครอบครอง ของ โจทก์ ทั้ง สอง ขอให้บังคับ ให้ จำเลย ทั้ง ห้า ร่วมกัน ขนย้าย ไม้ ที่ ปัก ออก ไป ห้ามเข้าเกี่ยวข้อง อีก ต่อไป และ ให้ ชดใช้ ค่าเสียหาย
จำเลย ที่ 1 ขาดนัด ยื่นคำให้การ
จำเลย ที่ 2 ถึง ที่ 5 ให้การ ทำนอง เดียว กัน ว่า จำเลย ที่ 1ถึง ที่ 4 และ นาย รัก บิดา ของ จำเลย ที่ 5 เป็น พี่น้อง ร่วม บิดา มารดา เดียว กับ โจทก์ ทั้ง สอง นาง เขียน ไม่ได้ ยก หรือ มอบ การ ครอบครอง ที่พิพาท ให้ แก่ โจทก์ ทั้ง สอง นาง เขียน ถึงแก่กรรม เมื่อ ปี 2513ที่พิพาท เป็น ทรัพย์มรดก ของ นาง เขียน อัน ตกทอด แก่ ทายาท ทุกคน จำเลย ทั้ง ห้า จึง ไป ยื่น คำร้องขอ รับมรดก ตาม สิทธิ ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า ที่ดิน ตาม หนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส. 3) เลขที่ 2 เล่ม ที่ 1 หน้า สำรวจ 177 หมู่ ที่ 12 ตำบล บางตาเถร อำเภอสองพี่น้อง จังหวัด สุพรรณบุรี ส่วน ของ นาง เขียน ปิ่นแก้ว เป็น ที่ดิน ที่ โจทก์ ที่ 2 มีสิทธิ ครอบครอง หรือ เป็น ของ โจทก์ ที่ 2 ให้ จำเลย ทั้ง ห้า ร่วมกัน รื้อถอน ขนย้าย ไม้ ที่ ปัก ไว้ ออก ไปให้ พ้น ที่ดิน ของ โจทก์ ที่ 2 ห้าม จำเลย ทั้ง ห้า เข้า เกี่ยวข้อง อีก ต่อไปให้ จำเลย ทั้ง ห้า ร่วมกัน ใช้ ค่าเสียหาย แก่ โจทก์ ที่ 2 เป็น เงินเดือน ละ300 บาท นับแต่ วันที่ 22 สิงหาคม 2533 เป็นต้น ไป จนกว่า จะ รื้อถอนขนย้าย ไม้ ที่ ปัก ดังกล่าว ออก ไป ให้ จำเลย ทั้ง ห้า ใช้ ค่าฤชาธรรมเนียมแทน โจทก์ ที่ 2 โดย กำหนด ค่า ทนายความ ให้ 2,000 บาท ให้ยก ฟ้องโจทก์ที่ 1 ค่าฤชาธรรมเนียม ระหว่าง โจทก์ ที่ 1 กับ จำเลย ทั้ง ห้า ให้เป็น พับ
จำเลย ที่ 2 ถึง ที่ 5 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ เป็น ว่า ให้ยก ฟ้องโจทก์ ที่ 2 ด้วยค่าฤชาธรรมเนียม ทั้ง สอง ศาล ให้ เป็น พับ
โจทก์ ที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า เมื่อ โจทก์ ที่ 2 เป็น ผู้ครอบครอง ทรัพย์มรดก และ ไม่ปรากฏ ว่า ทายาท คนใด แสดง ตน เข้า ครอบครอง โดย ให้โจทก์ ที่ 2 ครอบครองแทน จึง ถือได้ว่า โจทก์ ที่ 2 ครอบครอง เพื่อ ตนช่วง ที่ โจทก์ ที่ 2 ครอบครอง ไม่มี ทายาท มา แสดง สิทธิ ขอรับ มรดก ตามสิทธิ เลย จำเลย ทั้ง ห้า เพิ่ง ยื่น คำร้องขอ รับมรดก หลังจาก เจ้ามรดกถึงแก่กรรม ไป แล้ว เป็น เวลา เกินกว่า 10 ปี จำเลย ทั้ง ห้า ย่อม สิ้น สิทธิเรียกร้อง เอา มรดก จาก โจทก์ ที่ 2 ซึ่ง เป็น ทายาท ด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสี่ โจทก์ ที่ 2จึง ได้ สิทธิ ครอบครอง ที่พิพาท แต่เพียง ผู้เดียว
พิพากษากลับ ให้ บังคับคดี ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น