แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พระราชบัญญัติล้มละลายมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของเจ้าหนี้ทั้งหลายให้ได้รับชำระหนี้โดยเป็นธรรม ตามส่วนเฉลี่ยแห่งหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ป้องกันมิให้ลูกหนี้ยักย้ายถ่ายเททรัพย์ของตน.มิให้ถูกบังคับชำระหนี้และให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้โดยรวดเร็ว ที่ลูกหนี้ถูกฟ้องเป็นจำเลยร่วมกับบริษัท อ. ในคดีล้มละลายเมื่อลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ศาลก็ได้จำหน่ายคดีเฉพาะลูกหนี้แล้วลูกหนี้และบริษัท อ. มิได้มีเจ้าหนี้แต่เฉพาะเจ้าหนี้ในคดีนี้ แต่อาจมีเจ้าหนี้หลายรายแตกต่างกันไป ถ้าศาลจะรอมีคำสั่งเกี่ยวกับคำขอรับชำระหนี้รายนี้ไว้จนกว่าคดีล้มละลายถึงที่สุด ก็ย่อมจะเสียหายแก่เจ้าหนี้รายอื่น จึงไม่มีเหตุที่จะรอมีคำสั่งเกี่ยวกับคำขอรับชำระหนี้รายนี้ไว้
การสอบสวน เรื่องหนี้สินเกี่ยวกับคำขอรับชำระหนี้นั้นเมื่อ จ.พ.ท. เห็นว่าพยานหลักฐานเท่าที่ได้สอบสวนมาแล้วเพียงพอที่จะทำความเห็นส่งสำนวนเรื่องหนี้สินที่ขอรับชำระหนี้นั้นต่อศาล หรือพยานที่เจ้าหนี้ หรือลูกหนี้อ้างมาให้การฟุ่มเฟือยเกินสมควรหรือประวิงให้ชักช้าหรือไม่เกี่ยวแก่ประเด็น จ.พ.ท.ย่อมมีอำนาจที่จะงดการสอบสวนได้
ย่อยาว
คดีนี้ธนาคารสหมาลายัน จำกัด เจ้าหนี้รายที่ ๔ ยื่นคำขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ คือ อันดับ ๑ เป็นหนี้ตามคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๓๒๘/๒๕๑๕ จำนวนเงิน ๘๗๗,๙๔๘ บาท ๕๐ สตางค์ อันดับที่ ๒เป็นหนี้ตามหนังสือค้ำประกันหนี้เบิกเงินเกินบัญชีของบริษัท เอ็ม ไทยไมนิ่งจำกัด จำนวนเงิน ๔,๕๔๓,๙๐๔ บาท ๙๙ สตางค์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้นัดเจ้าหนี้และลูกหนี้มาตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามมาตรา ๑๐๔ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ แล้ว
ลูกหนี้ยื่นคำคัดค้านว่า หนี้ตามคำพิพากษามีเพียง ๒๐๐,๐๐๐ บาทเท่านั้น ส่วนหนี้ตามหนังสือค้ำประกันเบิกเงินเกินบัญชีของบริษัท เอ็ม ไทยไมนิ่ง จำกัดนั้น ธนาคารได้ฟ้องบริษัท เอ็ม ไทยไมนิ่ง จำกัด และลูกหนี้เป็นคดีล้มละลายตามคดีหมายเลขดำที่ ล.๙๘/๒๕๒๐ ของศาลแพ่งคดีอยู่ระหว่างศาลพิจารณาการค้ำประกันรายนี้ไม่ได้ค้ำประกันรับผิดเป็นส่วนตัว
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนคำขอรับชำระหนี้แล้วมีความเห็นให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้อันดับ ๑ ซึ่งเป็นหนี้ตามคำพิพากษาจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ตามมาตรา ๑๓๐(๘) ส่วนที่ขอเกินมาให้ยก ให้ได้รับชำระหนี้อันดับ ๒คือหนี้ตามหนังสือค้ำประกันเบิกเงินเกินบัญชีของบริษัท เอ็ม ไทยไมนิ่ง จำกัดจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ตามมาตรา ๑๓๐(๘) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ โดยมีข้อแม้ว่า หากเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของบริษัท เอ็ม ไทยไมนิ่ง จำกัด ผู้ล้มละลายเพียงใดก็ให้สิทธิเจ้าหนี้ที่จะได้รับชำระหนี้ลดลงเพียงนั้น ส่วนที่ขอเกินมาให้ยก
ศาลชั้นต้น มีคำสั่งให้ธนาคารสหมาลายัน จำกัด เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
ลูกหนี้อุทธรณ์เฉพาะหนี้อันดับที่ ๒ ซึ่งเป็นหนี้ตามหนังสือสัญญาค้ำประกันเบิกเงินเกินบัญชีของบริษัท เอ็ม ไทยไมนิ่ง จำกัด โดยอุทธรณ์ว่า ศาลควรจะรอมีคำสั่งเกี่ยวกับคำขอรับชำระหนี้รายนี้ไว้ จนกว่าคดีล้มละลายที่ธนาคารเจ้าหนี้เป็นโจทก์ฟ้องบริษัท เอ็ม ไทยไมนิ่ง จำกัด กับพวกเป็นจำเลยถึงที่สุดเสียก่อนเพราะเป็นหนี้ที่แบ่งแยกกันไม่ได้
ศาลอุทธรณ์ พิจารณาแล้วพิพากษายืน
ลูกหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติล้มละลายมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของเจ้าหนี้ทั้งหลายให้ได้รับชำระหนี้โดยเป็นธรรม ตามส่วนเฉลี่ยแห่งหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ ป้องกันมิให้ลูกหนี้ยักย้ายถ่ายเททรัพย์ของตนมิให้ถูกบังคับชำระหนี้ และให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้โดยรวดเร็วดังจะเห็นได้จากมาตรา ๑๕๓ ที่บัญญัติว่ากระบวนพิจารณาคดีล้มละลายให้ดำเนินเป็นการด่วน ที่ลูกหนี้ถูกฟ้องเป็นจำเลยและร่วมกับบริษัท เอ็ม ไทยไมนิ่งจำกัดในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ ๕๖/๒๕๒๒ ของศาลแพ่งนั้น เมื่อลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ในคดีนี้ ศาลแพ่งก็ได้จำหน่ายคดีเฉพาะลูกหนี้แล้วลูกหนี้และบริษัท เอ็ม ไทยไมนิ่ง จำกัด มิได้มีเจ้าหนี้แต่เฉพาะเจ้าหนี้ในคดีนี้แต่อาจจะมีเจ้าหนี้หลายรายแตกต่างกันไป ถ้าศาลจะรอมีคำสั่งเกี่ยวกับคำขอรับชำระหนี้รายนี้ไว้จนกว่าคดีล้มละลายของศาลแพ่งหมายเลขแดงที่ ๕๖/๒๕๒๒ จะถึงที่สุดก่อน ก็ย่อมจะเสียหายแก่เจ้าหนี้รายอื่น ๆ จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะรอมีคำสั่งเกี่ยวกับคำขอรับชำระหนี้รายนี้ไว้
ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา ๑๐๕ นั้นแสดงว่าการสอบสวนเรื่องหนี้สินเกี่ยวกับคำขอรับชำระหนี้นั้น เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เห็นว่าพยานหลักฐานเท่าที่ได้สอบสวนมาแล้วเพียงพอที่จะนำความเห็นส่งสำนวนเรื่องหนี้สินที่ขอรับชำระหนี้นั้นต่อศาลได้แล้ว หรือพยานที่เจ้าหนี้หรือลูกหนี้อ้างมาให้การฟุ่มเฟือยเกินสมควรหรือประวิงให้ชักช้า หรือไม่เกี่ยวแก่ประเด็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีอำนาจที่จะงดการสอบสวนได้
พิพากษายืน