แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรฐานใดฐานหนึ่ง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยฐานรับของโจรต้องถือว่าศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยเต็มตามความประสงค์ของโจทก์แล้ว โจทก์ย่อมไม่อาจฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เพื่อให้ลงโทษจำเลยเป็นอย่างอื่นได้อีก
คดีเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยกระทำผิดฐานรับของโจร จำเลยจึงต้องรับผิดคืนเงินที่จำเลยรับไว้ในการกระทำผิดฐานรับของโจรและยังไม่ได้คืนให้แก่ผู้เสียหายเท่านั้น หาใช่ต้องคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ตามฟ้องไม่ การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยคืนเงินจำนวนเต็มตามฟ้องให้แก่ผู้เสียหายนั้นยังไม่ถูกต้องศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไข
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า มีคนร้ายหลายคนเข้าไปในสำนักงานของบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะเซลส์ จำกัด ผู้เสียหายโดยปีนหน้าต่างซึ่งเป็นสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์และเป็นช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้าแล้ว ลักเอาเงินสดธนบัตรและเหรียญรวม225,621 บาท กับเครื่องบันทึกการขาย (คอมพิวเตอร์) จำนวน 8เครื่องเป็นเงิน 960,000 บาท รวมราคาทรัพย์ทั้งสิ้น 1,185,621 บาทของผู้เสียหายซึ่งอยู่ในความดูแลของนายอภิชาติ อมรเวชยกุลไปโดยทุจริต ต่อมาเจ้าพนักงานจับจำเลยกับลูกจ้างของผู้เสียหายซึ่งศาลพิพากษาลงโทษไปแล้วได้ และยึดเงินสดจำนวน 61,100 บาทพวงกุญแจหนังสีดำ 1 พวง พร้อมลูกกุญแจ 11 ดอก ลูกกุญแจส่วนที่อยู่ในซิปจำนวน 3 ดอก และเครื่องบันทึกการขาย (คอมพิวเตอร์)จำนวน 8 เครื่อง ได้จากนายประยูร และยึดเงินสดจำนวน 11,000บาท ได้จากจำเลย อันเป็นทรัพย์สินส่วนหนึ่งที่ถูกลักไปเป็นของกลางทั้งนี้โดยจำเลยกับนายประยูรร่วมกันลักทรัพย์ของผู้เสียหาย หรือมิฉะนั้นจำเลยกับนายประยูรร่วมกันรับเอาไว้ ซ่อนเร้น ช่วยจำหน่ายพาเอาไปเสีย ซื้อหรือรับไว้ประการใด ซึ่งทรัพย์ดังกล่าวที่ถูกคนร้ายลักไป โดยจำเลยกับนายประยูรรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 335(1)(3)(4)(7), 357 กับคืนเงินสดจำนวน 153,521 บาท ที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1)(3)(4)(7) วรรคสาม ประกอบด้วยมาตรา 83 จำคุก 7 ปีลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 4 ปี 8 เดือน ให้จำเลยร่วมคืนเงินจำนวน 153,521 บาท แก่ผู้เสียหาย ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก จำคุก 3 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี ให้จำเลยร่วมคืนเงินจำนวน 60,000 บาทแก่ผู้เสียหาย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรฐานใดฐานหนึ่ง เมื่อปรากฏว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยฐานรับของโจร ต้องถือว่าศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยเต็มตามความประสงค์ของโจทก์แล้ว โจทก์ย่อมไม่อาจฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เพื่อให้ลงโทษจำเลยเป็นอย่างอื่นได้อีก ส่วนที่โจทก์ฎีกาขอให้มีคำสั่งคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ตามฟ้องของโจทก์นั้น เมื่อคดีเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจร จำเลยจึงต้องรับผิดคืนเงินที่จำเลยรับไว้ในการกระทำผิดฐานรับของโจรและยังไม่ได้คืนให้แก่ผู้เสียหายจำนวน 59,000 บาท เท่านั้น หาใช่ต้องคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ตามฟ้องดังที่โจทก์ฎีกาไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยฐานรับของโจรนั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยคืนเงินจำนวน60,000 บาท ให้แก่ผู้เสียหายนั้น ยังไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไข
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยคืนเงินจำนวน 59,000 บาทที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหาย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์