คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3673/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้เงินค่าหุ้นของจำเลยทั้งสองจะเป็นเงินทุนของสหกรณ์ ฯ ผู้ร้องและข้อบังคับของสหกรณ์ ฯ ผู้ร้องมีว่า สมาชิกมีสิทธิลาออกได้ไม่ว่าเวลาใดและผู้ร้องจะต้องคืนเงินค่าหุ้นให้สมาชิกไปทันที เว้นแต่สมาชิกนั้นเป็นหนี้ผู้ร้องอยู่ผู้ร้องจะหักเงินค่าหุ้นไว้ก่อน เหลือเท่าใดก็คืนให้สมาชิกไปก็ตาม เมื่อจำเลยทั้งสองมีสิทธิเรียกร้องเอาเงินค่าหุ้นคืนได้และข้อบังคับดังกล่าวมิใช่กฎหมายแต่เป็นเรื่องที่สหกรณ์ผู้ร้องจัดวางระเบียบบริหารงานภายในระหว่างสมาชิกตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ.2511 มาตรา 4 ข้อบังคับดังกล่าวจึงไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยทั้งสอง โจทก์ขอให้ศาลอายัดเงินค่าหุ้นของจำเลยทั้งสองที่มีอยู่ในสหกรณ์ ฯ ผู้ร้องได้.

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้เงินยืมศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงินตามฟ้องให้แก่โจทก์ หากไม่ชำระให้จำเลยที่ ๒ ในฐานะผู้ค้ำประกันชำระแทน จำเลยทั้งสองไม่ชำระ โจทก์ขอให้ศาลตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดอายัดทรัพย์ของจำเลยทั้งสองที่มีอยู่ในสหกรณ์ออมทรัพย์ครูชัยภูมิ จำกัด ผู้ร้อง จำนวน ๓๓,๓๐๐ บาท และ ๒๑,๐๐๐ บาท ตามลำดับ
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ตามระเบียบข้อบังคับของสหกรณ์ผู้ร้องถือว่าเงินค่าหุ้นเป็นทุนของผู้ร้องซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างหากจากจำเลยผู้ถือหุ้นจะถอนคืนหรือโอนหุ้นขณะเป็นสมาชิกไม่ได้ ผู้ร้องไม่อาจส่งเงินค่าหุ้นของจำเลยทั้งสองต่อศาลได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องปฏิบัติตามคำสั่งอายัดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดี
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ร้องฎีกาว่าเงินค่าหุ้นของจำเลยทั้งสองเป็นของผู้ร้อง จำเลยทั้งสองจะเรียกร้องคืนก็ต้องลาออกจากสมาชิกหรือผู้ร้องเลิกกิจการสหกรณ์ออมทรัพย์ เห็นว่าแม้ผู้ร้องจะออกข้อบังคับไว้ว่าสมาชิกมีสิทธิลาออกได้ไม่ว่าเวลาใดและผู้ร้องจะต้องคืนเงินค่าหุ้นให้สมาชิกไปทันที เว้นแต่สมาชิกนั้นเป็นหนี้ผู้ร้องอยู่ ผู้ร้องจะหักเงินค่าหุ้นไว้ก่อน เหลือเท่าใดก็คืนให้สมาชิกไป แต่ข้อบังคับดังกล่าวมิใช่กฎหมายเป็นเรื่องที่ผู้ร้องจัดวางระเบียบบริหารงานภายในระหว่างสมาชิกเองตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๔ แม้เงินค่าหุ้นของจำเลยทั้งสองจะเป็นเงินทุนของผู้ร้อง แต่จำเลยทั้งสองก็ยังมีสิทธิเรียกร้องเอาคืนได้ ข้อบังคับดังกล่าวจึงไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ส่วนที่ผู้ร้องขอให้นำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๔ และมาตรา ๑๐๗๒ มาปรับใช้ในกรณีนั้น ศาลฎีกาเห็นว่ามีหลักกฎหมายข้างต้นใช้ปรับกับเรื่องนี้อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาข้อนี้ของผู้ร้องต่อไป
พิพากษายืน.

Share