แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้จำเลยที่ 2 จะมิได้อุทธรณ์ฎีกา แต่เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้นำเช็คที่จำเลยที่ 2 สั่งจ่ายมาขายแก่โจทก์ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องถึงจำเลยที่ 2 ด้วยได้เพราะเป็นการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 247,245(1).
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้ขายเช็คชำระเงินจำนวน5,082,387.17 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้สั่งจ่ายเช็คร่วมกับจำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 4,019,637.07 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยกับให้จำเลยที่ 3 และที่ 4 ในฐานะผู้สั่งจ่ายเช็คร่วมกับจำเลยที่ 1ชำระเงินจำนวน 599,697.31 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่เคยนำเช็คมาทำสัญญาขายกับโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 3และที่ 4 ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน5,082,387.17 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1ชำระเงินจำนวน 4,019,637.07 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์โดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาขายเช็คและนำเช็คตามฟ้องมาขายแก่โจทก์ จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดและเนื่องจากหนี้ตามฟ้องที่โจทก์กล่าวอ้างให้จำเลยที่ 1 และที่ 2รับผิดต่อโจทก์นั้นเป็นการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ จึงเห็นสมควรพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งมิได้อุทธรณ์ฎีกาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247, 245(1)
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ถึงจำเลยที่ 2 ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.