คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 401/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การวินิจฉัยปัญหาว่า จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์หรือไม่นั้น แม้โจทก์มีประจักษ์พยานเพียงปากเดียว แต่ก็เบิกความอย่างมีเหตุผลไม่มีข้อพิรุธสงสัยยืนยันว่าจำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์ต่อหน้าพยานย่อมมีน้ำหนักดีกว่าพยานของจำเลยซึ่งมีเพียงแต่รายงานความเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่ทำการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อในตั๋วสัญญาใช้เงินว่า น่าจะไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลย โดยที่ตัวจำเลยมิได้มาเบิกความสนับสนุนข้ออ้างของตนแต่อย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 106,960.75 บาทให้โจทก์เพื่อชำระหนี้เมื่อโจทก์ทวงถาม โจทก์ได้ทวงถามจำเลยให้ชำระหนี้แล้ว จำเลยไม่ชำระ ขอให้บังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย จำเลยให้การว่า ไม่เคยออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์ ลายมือชื่อในตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นลายมือปลอม ขอให้ยกฟ้องศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 106,960.75 บาท พร้อมดอกเบี้ย จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ในปัญหาที่ว่าจำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินตามฟ้องและต้องรับผิดชดใช้เงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์หรือไม่นั้น โจทก์มีนายรุ่งเดช กองกาญจนะ เป็นประจักษ์พยานเบิกความยืนยันว่า เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2523 จำเลยได้มากู้เงินโจทก์และได้ลงชื่อในสัญญากู้เงินตามเอกสารหมาย จ.3 ต่อหน้าพยาน ซึ่งพยานก็ได้ลงชื่อรู้เห็นเป็นพยานในสัญญากู้เงินดังกล่าวและจำเลยได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินตามเอกสารหมาย จ.4 ให้โจทก์ต่อหน้าพยานด้วย ส่วนจำเลยอ้างว่า จำเลยไม่เคยลงลายมือชื่อในตั๋วสัญญาใช้เงินตามเอกสารหมาย จ.4 นั้น คงมีแต่รายงานความเห็นของผู้เชี่ยวชาญซึ่งทำการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อในตั๋วสัญญาใช้เงินเปรียบเทียบกับลายมือชื่อของจำเลยในเอกสารหมาย ล.1 ถึง ล.21 และลายมือชื่อของจำเลยที่เซ็นต่อหน้าศาลว่า น่าจะไม่ใช่ลายมือชื่อของคนคนเดียวกันเป็นข้อสนับสนุนของจำเลย ศาลฎีกาเห็นว่า ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวเป็นพยานชั้นสองมิใช่ประจักษ์พยาน เพียงลำพังแต่ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะชี้ขาดความถูกต้องหรือแท้จริงได้ ประกอบกับตัวจำเลยกลับไม่มาเบิกความเป็นพยานสนับสนุนข้ออ้างของตนให้มีน้ำหนักรับฟังได้ จึงเป็นข้อพิรุธน่าสงสัย ส่วนพยานหลักฐานโจทก์นอกจากนายรุ่งเดชจะเบิกความยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินตามเอกสารหมาย จ.4 ต่อหน้าตนแล้ว ยังมีหนังสือสัญญากู้เงินตามเอกสารหมายจ.3 มารับรองความสมบูรณ์แห่งมูลหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินเอกสารหมาย จ.4 ด้วย แม้โจทก์จะมีพยานปากนี้เพียงปากเดียวที่รู้เห็นว่าจำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินตามเอกสารหมาย จ.4 ให้โจทก์ก็ตามแต่คำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าวก็มีเหตุผลและจึงไม่มีเหตุพิรุธสงสัยดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย เชื่อว่าพยานปากนี้เบิกความไปตามที่รู้เห็นจริง จึงมีน้ำหนักรับฟังได้ พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อยิ่งกว่าพยานหลักฐานจำเลย ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ลงลายมือชื่อในตั๋วสัญญาใช้เงินตามเอกสารหมาย จ.9 ดังนั้นจำเลยต้องรับผิดตามเนื้อความในตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าว โดยต้องชำระเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ในตั๋วสัญญาใช้เงิน พร้อมชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 16.5 ต่อปี และร้อยละ 20 ต่อปี ตามที่ระบุไว้ในตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share