คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3668/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยได้นำเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ส่วนที่ยังขาดมาวางศาลตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ก่อนวันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดจำเลยซึ่งเป็นผู้อุทธรณ์มิได้เพิกเฉยไม่ดำเนินการภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควร แสดงว่ากำหนดไว้เพื่อการนั้น โดยได้ส่งคำสั่งให้ทราบโดยชอบแล้ว จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้อุทธรณ์ทิ้งฟ้องตามมาตรา 174 (2) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กู้เงินโจทก์ไปจำนวน ๒๔,๙๐๐ บาท จำเลยผิดนัด โจทก์ฟ้องบังคับขอให้จำเลยชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ไม่ได้กู้เงินโจทก์ตามฟ้องสัญญากู้เงินเป็นสัญญาที่ทำขึ้นเพื่อประกันสัญญาซื้อขายมะพร้าวที่จำเลยเป็นหนี้ค่าซื้อมะพร้าวจากโจทก์ สัญญาไม่ได้ปิดอากรแสตมป์รับฟังเป็นพยานหลักฐานในการกู้ยืมไม่ได้
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้งดชี้สองสถานและงดสืบพยานแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๒๔,๙๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว เห็นว่าศาลชั้นต้นไม่ได้นำดอกเบี้ยตั้งแต่วันกู้ยืมถึงวันฟ้องจำนวน ๙,๓๓๗.๕๐ บาท คิดคำนวณเป็นค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์จึงขาดไป ๒๓๒.๕๐ บาท จึงมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นเรียกเก็บจากจำเลยให้ครบก่อนอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ให้คู่ความฟัง หากจำเลยไม่ยอมชำระก็ให้ส่งคำพิพากษาและสำนวนคืนศาลอุทธรณ์ต่อไป
ศาลชั้นต้นได้หมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๒๗ เวลา ๑๓.๓. นาฬิกา และแจ้งไปด้วยว่าให้จำเลยนำค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ส่วนของดอกเบี้ยจำนวน ๒๓๒.๕๐ บาท มาชำระให้ครบก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ หากจำเลยไม่ชำระจะส่งคำพิพากษาและสำนวนคืนศาลอุทธรณ์ต่อไป ถึงวันนัดปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นว่า โจทก์จำเลยทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มีผู้ใดมาศาล จำเลยมิได้นำค่าขึ้นศาลส่วนที่ยังขาดมาชำระตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ จึงมีคำสั่งให้ส่งคำพิพากษาและสำนวนคืนศาลอุทธรณ์เพื่อดำเนินการต่อไป
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยไม่ยอมชำระค่าขึ้นศาลที่ยังขาดอยู่ภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๔(๒) จึงสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ตามมาตรา ๑๓๒ ประกอบด้วย มาตรา ๒๔๖
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงปรากฏว่า จำเลยได้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลชั้นต้นโดยได้นำเงินจำนวน ๒๓๒.๕๐ บาท มาวางศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๒๗ ซึ่งเป็นวันก่อนวันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามที่ศาลชั้นต้นกำหนด ต่อมามีรายงานเจ้าหน้าที่ลงวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๒๗ ความว่า คดีนี้ปรากฏว่าได้มีการวางเงินผิดประเภทและเจ้าหน้าที่การเงินได้ถอนเงินค่าขึ้นศาลที่วางไว้ผิดประเภทมาซื้อฤชากร จำเลยได้เสียค่าขึ้น ๒๓๒.๕๐ บาทแล้ว เห็นว่า จำเลยซึ่งเป็นผู้อุทธรณ์มิได้เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดไว้เพื่อการนั้น โดยได้ส่งคำสั่งให้ทราบโดยชอบนั้น ดังนั้น จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้อุทธรณ์ทิ้งฟ้องตามมาตรา ๑๗๔(๒) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
พิพากษายกคำสั่งศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share