คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3665/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินมีโฉนดของโจทก์และจำเลยที่ 1 มีแนวเขตด้านหนึ่งติดต่อกัน ต่อมาจำเลยที่ 1 ขอทำการรังวัดแบ่งแยกโฉนดและเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดผิดพลาดกำหนดแนวเขตที่ดินจำเลยที่1 รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ แม้จำเลยที่ 2ที่ 3 จะซื้อที่ดินดังกล่าวจากจำเลยที่ 1 โดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตและจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วจำเลยที่ 2 ที่ 3 ก็ไม่มีสิทธิดีกว่าจำเลยที่ 1จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนที่รุกล้ำ กรณีไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 1299 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เมื่อกรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนที่รุกล้ำเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์โจทก์ย่อมมีสิทธิติดตามเอาคืนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1336 ลำกระโดงพิพาทซึ่งเป็นทางน้ำไหลผ่านที่ดินของโจทก์และจำเลยที่ 1 โดยแนวเขตที่ดินของโจทก์และจำเลยที่ 1อยู่ตรงกึ่งกลางลำกระโดง และโจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้ชักน้ำจากลำกระโดงเข้าไปใช้ในที่ดินของตนมาเป็นเวลาเกินกว่า10 ปีแล้วถือได้ว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 ได้ภาระจำยอมในที่ดินของแต่ละฝ่ายในลำกระโดงนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 ประกอบด้วยมาตรา1382(วรรคสองวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2528)

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้ศาลชั้นต้นรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกัน โจทก์ฟ้องความว่า ที่ดินโจทก์ด้านทิศตะวันออกติดต่อกับที่ดินจำเลยที่ 1 ระหว่างที่ดินมีลำกระโดงเป็นคูน้ำคั่นกลาง และแนวเขตติดต่ออยู่ในลำกระโดง โจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างชักน้ำจากลำกระโดงเข้าไปใช้ในที่ดินของตนมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว ที่ดินของจำเลยที่ 1 เฉพาะส่วนที่เป็นลำกระโดงจึงตกเป็นภาระจำยอมต่อที่ดินโจทก์ ต่อมาจำเลยที่ 1 แบ่งแยกที่ดินออกเป็นหลายแปลงแล้วโอนขายที่ดินโฉนดเลขที่ 12088 และ 12087 ให้แก่จำเลยที่ 2 ที่ 3 จำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ถมดินลำกระโดงในส่วนที่ดินของตนซึ่งเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินโจทก์ และยังได้ถมดินเลยรุกล้ำเข้าไปในเขตที่ดินโจทก์กับสร้างรั้วล้อมรอบบริเวณดังกล่าวด้วย ขอบังคับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันขอรังวัดใหม่ให้มีแนวเขตถูกต้องและรื้อถอนรั้วกับขุดดินในลำกระโดงส่วนที่เป็นภาระจำยอมและส่วนที่รุกล้ำที่ดินโจทก์ออกให้หมด

จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ

จำเลยที่ 2 ที่ 3 ให้การและแก้ไขคำให้การว่า เจ้าพนักงานที่ดินได้รังวัดสอบเขตแล้ว ปรากฏว่าแนวเขตที่ดินจำเลยถูกต้องไม่รุกล้ำที่ดินของโจทก์ ลำกระโดงพิพาทอยู่ในเขตที่ดินจำเลยที่ 1 ทั้งหมด ทั้งตื้นเขินและสิ้นสภาพการใช้มากว่า 10 ปีแล้ว

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ที่ดินตามโฉนดของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่ได้รุกล้ำเข้าไปในเขตที่ดินของโจทก์ หากฟังว่ารุกล้ำจำเลยที่ 2 ที่ 3 ก็ได้ซื้อที่ดินโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตและได้จดทะเบียนโดยสุจริตแล้ว จึงได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 ส่วนลำกระโดงพิพาทอยู่ในเขตที่ดินจำเลยที่ 1 และไม่เป็นภาระจำยอม

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แนวเขตที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 อยู่กึ่งกลางลำกระโดงพิพาท และเจ้าพนักงานที่ดินได้รังวัดแบ่งแยกที่ดินของจำเลยที่ 1 ผิดพลาดไป เขตที่ดินโฉนดเลขที่ 12088 และ 12087 ที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ซื้อจากจำเลยที่ 1 จึงรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ซึ่งที่ดินส่วนที่รุกล้ำนี้ไม่ใช่ที่ดินที่โจทก์ได้มาโดยทางอื่นนอกจากนิติกรรมและยังไม่ได้จดทะเบียนสิทธิ แม้จำเลยที่ 2 ที่ 3 จะซื้อที่ดินดังกล่าวจากจำเลยที่ 1 โดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วก็ตาม ไม่อายยกขึ้นต่อสู้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 ได้ เพราะกรณีไม่ต้องด้วยบทบัญญัติดังกล่าว จำเลยที่ 2 ที่ 3 ย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าจำเลยที่ 1 ผู้ขาย จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนที่รุกล้ำนั้น เมื่อที่ดินส่วนที่ถูกรุกล้ำเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิติดตามเอาคืนได้ตามมาตรา 1336 จำเลยที่ 2 ที่ 3 ต้องคืนที่ดินส่วนที่ออกโฉนดรุกล้ำให้โจทก์ โดยแก้โฉนดแสดงอาณาเขตเสียให้ถูกต้อง และไม่มีสิทธิถมดินหรือสร้างรั้วรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์

สำหรับปัญหาว่า ลำกระโดงพิพาทเป็นภารจำยอมหรือไม่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าลำกระโดงพิพาทแต่เดิมจะมีความเป็นมาอย่างไรไม่ปรากฏ แต่โจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างชักน้ำจากลำกระโดงเข้าไปใช้ในที่ดินของตนมาเป็นเวลาเกินกว่าสิบปีแล้ว เขตที่ดินของโจทก์กับจำเลยที่ 1 อยู่กึ่งกลางลำกระโดงน้ำในลำกระโดงไหลผ่านที่ดินโจทก์และจำเลยที่ 1 คนละกึ่ง ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่มีมติว่า ในรูปการณ์เช่นนี้เจ้าของที่ดินในลำกระโดงแต่ละฝ่ายจำต้องรับกรรมบางอย่างซึ่งกระทบถึงทรัพย์สินของตน หรือต้องงดเว้นการใช้สิทธิบางอย่างอันมีอยู่ในกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินนั้นเพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์ของแต่ละฝ่าย ดังนั้น ที่ดินในลำกระโดงย่อมตกอยู่ในภารจำยอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1387 และเมื่อภารจำยอมนี้ถูกใช้ต่อเนื่องมาเป็นเวลาเกินสิบปีแล้ว โจทก์และจำเลยที่ 1 จึงได้ภารจำยอมในที่ดินของแต่ละฝ่ายในลำกระโดงนั้นตามมาตรา 1401 ประกอบด้วยมาตรา 1382 โดยบริบูรณ์ การที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ถมดินเข้าไปในลำกระโดงย่อมทำให้ปริมาณน้ำที่โจทก์เคยได้รับลดน้อยลงจำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่มีสิทธิทำ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1390

พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันขอรังวัดแก้แนวเขตโฉนดที่ดินที่รุกล้ำที่ดินโจทก์ และให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 รื้อรั้ว และขุดดินที่ถมรุกล้ำเข้าไปในลำกระโดงให้ลำกระโดงมีสภาพดังเดิม

Share