แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นหนี้โจทก์ 12,960 บาท ได้เขียนสัญญากู้เงินโดยยังมิได้เขียน จำนวนเงินที่กู้ให้โจทก์ไว้ ต่อมาโจทก์ได้เขียนจำนวนเงินกู้ 15,000 บาท ลงในสัญญากู้โดยจำเลยมิได้ยินยอม ดังนี้ การที่โจทก์เขียนข้อความ ในสัญญากู้ว่า ได้มีการกู้ในจำนวนเงินถึง 15,000 บาท เกินกว่าจำนวนหนี้ที่เป็นจริงโดยจำเลยมิได้รู้เห็นและยินยอมด้วยสัญญากู้เงิน ดังกล่าวจึงเป็นเอกสารปลอมใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องร้องบังคับคดี หาได้ไม่แม้ขณะโจทก์เขียนจำนวนเงิน 15,000 บาท ในสัญญากู้จำเลยเป็นหนี้โจทก์ 12,960 บาทศาลก็จะบังคับให้จำเลยชำระหนี้ ดังกล่าวโดยอาศัยสัญญากู้นั้นไม่ได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1313/2515)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์ไปเป็นเงิน ๑๕,๐๐๐ บาท ดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี ถึงกำหนดแล้วไม่ชำระต้นเงินและดอกเบี้ย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินกู้พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไปเพียง ๕๐๐ บาท ตกลงดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี จำเลยเป็นผู้เขียนสัญญา แต่ไม่ได้เขียนจำนวนเงินกู้กับอัตราดอกเบี้ยไว้ จำเลยชำระหนี้คืนโจทก์แล้ว โจทก์เพิ่มเติมข้อความในสัญญาโดยมีเจตนาทุจริตต่อจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหามาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแต่เฉพาะข้อกฎหมายที่ว่าจำเลยจะต้องรับผิดใช้เงินตามสัญญากู้เงินที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์ ๑๒,๙๖๐ บาท ได้เขียนสัญญากู้เงินตามเอกสารหมาย จ.๑ โดยยังมิได้เขียนจำนวนเงินที่กู้ให้โจทก์ไว้ ต่อมาโจทก์ได้เขียนจำนวนเงินกู้ ๑๕,๐๐๐ บาท ลงในสัญญากู้โดยจำเลยมิได้ยินยอม พิเคราะห์แล้วเห็นว่าการที่โจทก์เขียนข้อความในสัญญากู้เอกสารหมาย จ.๑ ว่า ได้มีการกู้ในจำนวนเงินถึง ๑๕,๐๐๐ บาท เกินกว่าจำนวนหนี้ที่เป็นจริงโดยจำเลยมิได้รู้เห็นและยินยอมด้วย สัญญากู้เงินตามเอกสารหมาย จ.๑ จึงเป็นเอกสารปลอม ใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่ แม้ขณะโจทก์เขียนจำนวนเงิน ๑๕,๐๐๐ บาท ในสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.๑ จำเลยเป็นหนี้โจทก์ ๑๒,๙๖๐ บาท ศาลก็จะบังคับให้จำเลยชำระหนี้ดังกล่าวโดยอาศัยสัญญากู้ หมาย จ.๑ ไม่ได้ ทั้งนี้ตามนัยแห่งคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๓๑๓/๒๕๑๕ ระหว่าง นายสอน บุราณ โจทก์ นายบุญชนะพันธ์ ที่ ๑ นางดำ วงษ์ละคร ที่ ๒ จำเลย ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์จึงชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา ๔๐๐ บาท แทนจำเลย