คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3664/2550

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษามีหน้าที่ต้องปฏิบัติการชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุดซึ่งพิพากษาให้โจทก์ส่งรถยนต์คันพิพาทที่โจทก์เช่าซื้อไปจากจำเลยคืนให้แก่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา หากคืนไม่ได้ก็ให้ใช้ราคาแทน หนี้ที่จะต้องชำระตามคำพิพากษามีลักษณะบังคับโจทก์ให้ต้องปฏิบัติการชำระหนี้ตามลำดับก่อนหลัง แต่การบังคับตามคำพิพากษาถือว่าเป็นสิทธิของเจ้าหนี้ที่ตามคำพิพากษาที่อาจยอมรับการชำระหนี้อย่างหนึ่งอย่างใดตามคำพิพากษาได้ แม้จะมิได้เป็นไปตามลำดับในคำพิพากษา เมื่อจำเลยยอมรับเงินที่โจทก์นำไปวางชำระต่อกรมบังคับคดีครบถ้วนตามคำพิพากษาแล้ว ถือได้โดยปริยายว่าจำเลยตกลงโอนกรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันพิพาทให้เป็นของโจทก์ โดยจำเลยได้รับชดใช้ราคาแล้ว จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องจดทะเบียนให้โจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์พร้อมส่งมอบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์คันพิพาทคืนให้แก่โจทก์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์หมายเลขทะเบียน 6 ว – 1148 กรุงเทพมหานคร ให้แก่โจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามหลักฐานทางทะเบียนต่อกรมการขนส่งทางบกพร้อมกับส่งมอบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ดังกล่าวให้แก่โจทก์ โดยโจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนและชำระค่าภาษีประจำปีสำหรับรถยนต์ดังกล่าว หากจำเลยไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยชำระค่าเสียหายรายวัน วันละ 1,000 บาท นับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ดังกล่าวให้โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า เดิมโจทก์เช่าซื้อรถยนต์คันพิพาทหมายเลขทะเบียน 6 ว – 1148 กรุงเทพมหานคร จากจำเลย แล้วโจทก์ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ จำเลยบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อและได้ฟ้องโจทก์ต่อศาลชั้นต้นเรื่องเช่าซื้อ ค้ำประกัน ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้โจทก์ส่งมอบรถยนต์คันพิพาทคืนแก่จำเลยในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี ถ้าส่งคืนไม่ได้ให้โจทก์ใช้ราคาเพียง 1,200,000 บาท และให้โจทก์ชำระค่าเสียหายเป็นค่าขาดประโยชน์พร้อมดอกเบี้ยกับค่าเสียหายรายเดือนและค่าธรรมเนียมแทนจำเลย วันที่ 24 สิงหาคม 2544 โจทก์ได้นำเงินไปวางที่กรมบังคับคดีเพื่อชำระหนี้ให้แก่จำเลยเท่ากับราคารถยนต์คันพิพาทที่โจทก์ต้องใช้แทนและค่าเสียหายกับค่าฤชาธรรมเนียมตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น และเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2544 จำเลยได้รับเงินดังกล่าวไปจากกรมบังคับคดีแล้ว
มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยจะต้องโอนกรรมสิทธิ์และส่งมอบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์คันพิพาทให้แก่โจทก์หรือไม่ เห็นว่า โจทก์ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษามีหน้าที่ต้องปฏิบัติการชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุดซึ่งพิพากษาให้โจทก์ส่งรถยนต์คันพิพาทที่โจทก์เช่าซื้อไปจากจำเลยคืนให้แก่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา หากคืนไม่ได้ก็ให้ใช้ราคาแทน แม้หนี้ที่ต้องชำระตามคำพิพากษามีลักษณะบังคับโจทก์จะต้องปฏิบัติการชำระหนี้ตามลำดับก่อนหลัง กล่าวคือ โจทก์จะมีสิทธิใช้ราคาแทนได้ก็ต่อเมื่อไม่สามารถคืนรถยนต์คันพิพาทให้แก่จำเลย มิใช่เป็นสิทธิของโจทก์ที่จะเลือกปฏิบัติการชำระหนี้อย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 198 แต่การบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลนั้นถือว่าเป็นสิทธิของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา และในกรณีที่การชำระหนี้ตามคำพิพากษามีหลายอย่าง แม้ลูกหนี้ตามคำพิพากษามีหน้าที่จะต้องกระทำการเพื่อชำระหนี้ตามลำดับก่อนหลังก็เป็นสิทธิของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่อาจยอมรับการชำระหนี้อย่างหนึ่งอย่างใดตามคำพิพากษาได้ แม้การชำระหนี้ดังกล่าวจะมิได้เป็นไปตามลำดับในคำพิพากษานั้น เมื่อจำเลยซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษายอมรับเงินที่โจทก์ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษานำไปวางชำระต่อกรมบังคับคดีตามจำนวนเท่ากับราคารถยนต์คันพิพาท รวมทั้งค่าเสียหายกับค่าฤชาธรรมเนียมโดยครบถ้วนตามคำพิพากษาแล้ว แสดงว่าจำเลยยอมรับชำระหนี้ในลำดับหลังด้วยการชำระราคารถยนต์คันพิพาทแทนการให้โจทก์ส่งมอบรถยนต์คันพิพาทคืนอันเป็นหนี้ในลำดับแรก แม้สัญญาเช่าซื้อจะเลิกกันไปแล้วก็ตาม แต่การที่จำเลยยอมรับชำระราคารถยนต์คันดังกล่าวถือได้โดยปริยายว่าจำเลยตกลงโอนกรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันพิพาทให้เป็นของโจทก์โดยจำเลยได้รับชดใช้ราคาแล้ว จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องจดทะเบียนให้โจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์พร้อมส่งมอบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์คันพิพาทให้แก่โจทก์ กรณีมิใช่เรื่องการบังคับตามคำพิพากษาเดิมที่จำเลยจะอ้างว่าจำเลยไม่มีหน้าที่ตามคำพิพากษาที่จะต้องดำเนินการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์พร้อมส่งมอบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์คันพิพาทให้แก่โจทก์ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น…
พิพากษากลับ ให้จำเลยจดทะเบียนโอนรถยนต์หมายเลขทะเบียน 6 ว – 1148 กรุงเทพมหานคร ให้มีชื่อโจทก์เป็นเจ้าของตามหลักฐานทางทะเบียนต่อกรมการขนส่งทางบกพร้อมกับส่งมอบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ดังกล่าวให้แก่โจทก์ โดยโจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนและชำระค่าภาษีประจำปีสำหรับรถยนต์ดังกล่าว ทั้งนี้ภายใต้บทบัญญัติของพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง หากจำเลยไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์เดือนละ 1,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจดทะเบียนโอนและส่งมอบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ดังกล่าวแก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ.

Share