คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3663/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยอ้างเหตุว่าป่วย และมีใบรับรองแพทย์มาแสดง หากศาลชั้นต้นไม่เชื่อว่าจำเลยป่วยจริง ก็ชอบที่จะไต่สวนฟังข้อเท็จจริงเสียก่อน การที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยประวิงคดี จงใจไม่มาฟังคำพิพากษาและสั่งว่าผู้ประกันผิดสัญญาประกันโดยมิได้มีการไต่สวนเสียก่อนจึงเป็นการไม่ชอบแม้ผู้ประกันร่วมจะมิได้ฎีกาศาลฎีกาก็พิพากษาให้มีผลถึงผู้ประกันร่วมได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 247,243(2),245(1) ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา ผู้ประกันยื่นคำร้องขอให้ปล่อยจำเลยชั่วคราว ศาลชั้นต้นอนุญาตและตีราคาค่าประกัน45,000 บาท ระหว่างการพิจารณา จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 26 ธันวาคม 2529 เวลา 9 นาฬิกา ครั้นถึงวันนัด จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษาไปเนื่องจากจำเลยป่วยเพราะกล้ามเนื้อคออักเสบและได้ชำระหนี้ให้โจทก์บางส่วนแล้ว ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2530 เวลา 9 นาฬิกา ในวันนัดจำเลยขอเลื่อนคดีอีกอ้างเหตุอย่างเดียวกัน ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 12 มีนาคม 2530 เวลา 9 นาฬิกา ครั้นถึงวันนัดผู้ประกันได้มอบฉันทะให้ทนายจำเลยเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนผู้ประกันเกี่ยวกับการส่งตัวจำเลยและยื่นคำร้องเกี่ยวกับการส่งตัวจำเลยแทน รายละเอียดปรากฏตามใบมอบฉันทะฉบับลงวันที่ 12 มีนาคม 2530 ฝ่ายโจทก์ จำเลย ทนายจำเลยตลอดจนผู้ประกันมาศาลจำเลยได้ชำระหนี้ตามเช็คให้โจทก์บางส่วน ศาลสั่งให้เลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 20 เมษายน 2530 เวลา 9 นาฬิกาเมื่อถึงกำหนดนัด จำเลย ผู้ประกันมาศาลพร้อมกับชำระหนี้ให้โจทก์บางส่วน ศาลสั่งให้เลื่อนคดีไปนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 5 มิถุนายน2530 เวลา 9 นาฬิกา ครั้นถึงวันนัดทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษาไปอ้างเหตุว่าตัวจำเลยป่วยด้วยโรคหมอนกระดูกหรือกระดูกต้นคอทับประสาทอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ไม่สามารถเดินทางมาจังหวัดเพชรบูรณ์ได้เพราะเกรงว่าอาการจะกำเริบหากต้องเคลื่อนไหวในการเดินทางโดยแนบใบรับรองแพทย์ท้ายคำร้องโจทก์แถลงคัดค้านว่าจำเลยขอเลื่อนคดีด้วยเหตุป่วยมาหลายครั้งแล้วศาลชั้นต้นเห็นว่า อาการป่วยของจำเลยตามใบรับรองแพทย์ไม่รุนแรงถึงกับจะมาศาลไม่ได้ ตัวจำเลยอยู่ถึงจังหวัดเชียงใหม่ไม่อาจตรวจสอบได้ พฤติการณ์ของจำเลยส่อไปในทางประวิงคดี ประกอบกับผู้ประกันของจำเลยก็ไม่มาจึงไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีถือว่าผู้ประกันผิดสัญญาประกันให้ปรับผู้ประกันตามสัญญา ผู้ประกันทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน นายพงษ์ศักดิ์ แซ่สัวผู้ประกันฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่ผู้ประกันฎีกาว่า ผู้ประกันได้มาศาลตามนัด ศาลชั้นต้นควรไต่สวนคำร้อง ของ จำเลยเสียก่อนว่าจำเลยเจ็บป่วยมาศาลไม่ได้จริงหรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นสั่งปรับนายประกันเป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่า ตามใบมอบฉันทะฉบับลงวันที่ 12 มีนาคม 2530ทนายจำเลยมีอำนาจกระทำการแทนผู้ประกันเกี่ยวกับการนำตัวจำเลยส่งศาลตลอดจนยื่นคำร้องต่อศาลเกี่ยวกับการส่งตัวจำเลย ตามคำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลยที่ยื่นต่อศาลโดยทนายจำเลยยื่นแทนนั้น ทนายจำเลยมีอำนาจกระทำการแทนผู้ประกัน เมื่อทนายจำเลยมาศาลก็ถือได้ว่าผู้ประกันได้มาศาลในวันนัดด้วย การที่ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีแม้ไม่ได้ระบุในคำร้องว่าได้กระทำในฐานะตัวแทนของผู้ประกันด้วย ก็พออนุโลมได้ว่า คำร้องดังกล่าวได้ยื่นโดยผู้ประกันด้วย ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยอ้างเหตุว่าป่วย และตามใบรับรองแพทย์ท้ายคำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลย แพทย์มีความเห็นว่าจำเลยป่วยมีอาการของหมอนกระดูกทับเส้นประสาท มีอาการปวดและก้มเงยลำบาก ควรพักวันที่ 4 และ 5 มิถุนายน 2530 หากศาลชั้นต้นไม่เชื่อว่าจำเลยป่วยถึงขนาดมาศาลไม่ได้ก็ชอบที่จะไต่สวนฟังข้อเท็จจริงเสียก่อน เพราะในวันนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 20 เมษายน 2530 จำเลยก็ได้มาศาลด้วยตนเอง ฉะนั้นการที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยประวิงคดี จงใจไม่มาฟังคำพิพากษาและสั่งว่าผู้ประกันผิดสัญญาประกันด้วยนั้น จึงไม่ชอบ ฎีกาของผู้ประกันฟังขึ้น และแม้นายวัลลภ อุ่ยวิรัตน์ ผู้ประกันร่วมจะไม่ได้ฎีกา แต่เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวกับการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ ศาลฎีกาจึงพิพากษาให้มีผลถึงนายวัลลภผู้ประกันร่วมด้วยทั้งนี้ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247,243(2), 245(1) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี

Share