คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3662/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันปิดถนนปล้นรถยนต์ที่ผ่านมา ตามพฤติการณ์ของจำเลยนั้นเมื่อทำการปล้นผู้โดยสารบนรถยนต์คันใด เสร็จแล้ว จึงได้ทำการปล้นผู้โดยสารบนรถคันต่อ ๆ ไปที่ผ่านมาใหม่ จนครบ 4 คัน จึงเป็นการกระทำต่างกรรมกันหาใช่เป็นกรรมเดียวกันไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันกระทำความผิดหลายกรรมโดยปล้นทรัพย์ของผู้เสียหายหลายคนรวมเป็นเงิน ๒๓,๙๘๔ บาทไป โดยแต่งกายให้ประชาชนเข้าใจว่าเป็นทหารหรือตำรวจและโดยใช้อาวุธปืน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๐, ๓๔๐ ตรี, ๙๑, ๘๓ และให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์
จำเลยทั้งเจ็ดให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑, ๓, ๔ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๐ วรรคสอง, ๘๓, ๙๑ ลงโทษจำคุกกระทงละ ๑๕ ปี รวม ๕ กระทง จำคุกคนละ ๗๕ ปี ลดโทษให้จำเลยที่ ๑ หนึ่งในสามตามมาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลยที่ ๑ ไว้ ๕๐ ปี จำเลยที่ ๒, ๕, ๖, ๗ มีความผิดตามมาตรา ๓๔๐ วรรคสอง, ๓๔๐ ตรี, ๘๓, ๙๑จำคุกกระทงละ ๒๐ ปี รวม ๕ กระทง จำคุกคนละ ๑๐๐ ปี และให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์
จำเลยทั้งเจ็ดอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งเจ็ดมีความผิดเพียง ๔ กระทงจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๔๐ ปี จำคุกจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๗ คนละ ๕๐ ปี
จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานโจทก์ฟังได้มั่นคงว่า จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ ร่วมกันปิดถนนปล้นรถยนต์ที่ผ่านมารวม ๔ คัน ส่วนที่จำเลยที่ ๕ ฎีกาว่าคดีนี้ได้มีการปิดถนนและกระทำต่อเนื่องกันเป็นการปล้นครั้งเดียวจึงถือเป็นการกระทำกรรมเดียวนั้น เห็นว่าตามพฤติการณ์ของจำเลยนั้นเมื่อทำการปล้นผู้โดยสารบนรถคันใดเสร็จแล้ว จึงได้ทำการปล้นผู้โดยสารบนรถคันต่อ ๆ ไปที่ผ่านมาใหม่จนครบ ๔ คัน จึงเป็นการกระทำต่างกรรมกันมิใช่กรรมเดียวกัน
พิพากษายืน.

Share