คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5526/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กำหนดระยะเวลาการฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 วรรคสองไม่ถือว่าเป็นอายุความ ดังนั้นแม้จะได้มีการดำเนินคดีอาญาแก่จำเลย ก็จะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51 วรรคสองมาใช้บังคับไม่ได้เพราะกำหนดระยะเวลาดังกล่าวไม่ใช้อายุความ สิทธิที่โจทก์จะฟ้องคดีแพ่งหาได้สะดุดหยุดลงไม่โจทก์ต้องฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาทตามบทบัญญัติดังกล่าวภายในเวลาปีหนึ่งแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง แต่โจทก์ฟ้องคดีเกิน 1 ปีแล้วจึงหมดสิทธิฟ้องเรียกเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาท

ย่อยาว

คดีทั้งสามสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นรวมพิจารณาและพิพากษารวมกัน
โจทก์ทั้งสามสำนวนฟ้องเป็นใจความว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองที่ดิน น.ส.3 จำเลยทั้งสามบุกรุกเข้าครอบครองที่ดินพิพาทของโจทก์บางส่วน ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามพร้อมบริวารออกจากที่ดินของโจทก์
จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยทั้งสามครอบครองที่พิพาทไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมานานกว่า 1 ปีโจทก์มิได้ฟ้องคดีภายในระยะเวลา 1 ปีนับแต่ทราบถึงการที่จำเลยทั้งสามแย่งการครอบครองจึงหมดสิทธิที่จะเรียกเอาที่ดินคืน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กำหนดระยะเวลาการฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 วรรคสอง แม้จะได้กำหนดว่าต้องฟ้องคดีภายในปีหนึ่งนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองก็ไม่ถือว่าเป็นอายุความฟ้องร้องดังนั้นแม้จะได้มีการดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยก็จะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51 วรรคสองมาใช้บังคับไม่ได้ เพราะกำหนดระยะเวลาดังกล่าวไม่ใช่อายุความ สิทธิที่โจทก์จะฟ้องคดีแพ่งหาได้สะดุดหยุดลงไม่โจทก์ต้องฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาทตามบทบัญญัติดังกล่าวภายในเวลาปีหนึ่งนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองที่พิพาท แต่โจทก์ฟ้องคดีเกิน 1 ปีแล้วจึงหมดสิทธิฟ้องเรียกเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาท
พิพากษายืน

Share