แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายถือเหล็กแหลมไล่แทงจำเลยเนื่องจากโต้เถียงกันเรื่องรถยนต์ของผู้ตายที่ให้จำเลยเป็นคนขับ ถึงแม้จำเลยจะทะเลาะโต้เถียงกับผู้ตายก็ยังฟังไม่ได้ว่าสมัครใจวิวาทกัน การที่ผู้ตายถือเหล็กแหลมไล่แทงจำเลย จึงเป็นการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย ซึ่งจำเลยมีสิทธิที่จะป้องกันสิทธิของตนได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ไม้เหลี่ยมขนาดวัดโดยรอบ 11 นิ้ว ยาว 21 นิ้วเป็นอาวุธตีทำร้ายนายโห้ที่ศีรษะหลายที และจับศีรษะนายโห้กระแทกกับเสาและเหลี่ยมโต๊ะอีกหลายทีโดยเจตนาฆ่า เป็นเหตุให้นายโห้ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ลงโทษจำคุก 15 ปี ลดโทษหนึ่งในสาม คงจำคุก 10 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นแต่จำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของจำเลยและกระทำไปเกินสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 69 ลงโทษจำคุก 6 ปี ลดหนึ่งในสาม คงจำคุก4 ปี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ได้ความว่า ผู้ตายถือเหล็กแหลมไล่แทงจำเลยเนื่องจากโต้เถียงกันเรื่องรถยนต์ของผู้ตายที่ให้จำเลยเป็นคนขับ ถึงแม้จำเลยจะทะเลาะโต้เถียงกับผู้ตายก็ยังฟังไม่ได้ว่าสมัครใจวิวาทกัน การที่ผู้ตายถือเหล็กแหลมไล่แทงจำเลยจึงเป็นการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย ซึ่งจำเลยมีสิทธิที่จะป้องกันสิทธิของตนได้ ตอนที่จำเลยล้มลงและผู้ตายมิได้แทงจำเลย ก็เพราะจำเลยคว้าได้ไม้ขึ้นมาแกว่งป้องกันตัว หาใช่เพราะผู้ตายมิได้มีเจตนาจะแทงจำเลยไม่ เมื่อจำเลยลุกขึ้นมาได้และร้องท้าทายให้ผู้ตายเข้ามาต่อสู้ ก็อาจเป็นเพราะจำเลยโกรธเคืองที่ถูกผู้ตายวิ่งไล่แทงทำร้าย แต่แม้กระนั้นจำเลยก็โยนไม้ทิ้งแล้วเดินไปพิงเสาหน้าบ้านนางไหลซึ่งแสดงว่าจำเลยมิได้สมัครใจจะวิวาทกับผู้ตาย ถ้าหากผู้ตายไม่เดินตามไปและใช้เหล็กแหลมแทงจำเลย ก็คงจะไม่เกิดเหตุขึ้น จำเลยทำร้ายผู้ตายเพื่อป้องกันสิทธิของตน ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยต่อไปว่าจำเลยได้กระทำไปเกินสมควรแก่เหตุนั้นจำเลยไม่ได้ฎีกาคัดค้าน ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับศาลอุทธรณ์
พิพากษายืน