แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ดำเนินการค้าจัดสรรที่ดินจำหน่ายแก่ประชาชน การที่โจทก์ บริจาคที่ดินให้กรมตำรวจเพื่อสร้างสถานีตำรวจ มิใช่เพื่อประโยชน์ของโจทก์โดยเฉพาะ แต่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนทั่วไปหรือแก่สาธารณชน นับเป็นการบริจาคเพื่อการกุศลสาธารณะ ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 65ตรี (3) และไม่ใช่รายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการ ของโจทก์โดยเฉพาะตาม(13) จึงถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณ กำไรสุทธิได้เพียงไม่เกินร้อยละ 1
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับแบบคำสั่งให้เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินเพิ่มเลขที่ ง.10/1138/2/00281 ถึง ง.1138/2/00282 ลงวันที่ 28 กันยายน2522 จากจำเลยที่ 2 ให้โจทก์เสียภาษีเงินได้และเงินเพิ่ม อ้างว่าโจทก์มีสิทธิขอหักค่าบริจาคที่ดินไม่ถูกต้อง
จำเลยทั้งห้าให้การว่า ที่ดินที่โจทก์บริจาคให้กรมตำรวจเป็นรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ โจทก์มีสิทธิหักเป็นค่าใช้จ่ายได้ไม่เกินร้อยละ 1 ของกำไรสุทธิ เพราะไม่ใช่เป็นรายจ่ายเพื่อหากำไรของโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์เริ่มดำเนินกิจการค้า จัดสรรที่ดินมาตั้งแต่พ.ศ. 2514 ไม่ได้มีโครงการที่จะอุทิศที่ดินให้กรมตำรวจเพื่อสร้างสถานีตำรวจในบริเวณที่จัดสรรมาก่อน จนกระทั่งปี พ.ศ. 2518 ทางกรมตำรวจต้องการหาสถานที่สร้างสถานีตำรวจนครบาลบางพลัดขึ้นใหม่ จึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกสืบหาไปติดต่อกับโจทก์ โจทก์จึงยินดีบริจาคที่ดินให้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาษีอากรเรียกให้โจทก์ไปให้การ ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ก็ให้การว่าการที่โจทก์บริจาคที่ดินให้กรมตำรวจครั้งนี้เพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์แก่สาธารณชนทั่วไปโดยโจทก์ไม่มีวัตถุประสงค์เป็นอย่างอื่น การสร้างสถานีตำรวจขึ้นมิใช่เพื่อประโยชน์ของโจทก์โดยเฉพาะ แต่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนทั่วไปหรือแก่สาธารณชนนับเป็นการบริจาคเพื่อการกุศลสาธารณะตามประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ตรี (3)และไม่ใช่รายจ่ายเพื่อหากำไร หรือเพื่อกิจการของโจทก์โดยเฉพาะตาม (13) จึงถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้เพียงไม่เกินร้อยละ 1
พิพากษายืน