คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 366/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การฟ้องขอให้ลงโทษกักกันว่าผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายตาม พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ.2478 เพิ่มขึ้นอีกโสดหนึ่งนั้นอยู่ในดุลยพินิจของศาล การที่โจทก์อ้างว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาแล้ว 2 ครั้ง เช่นนี้เป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องสืบแสดงให้เห็นว่าโทษที่จำเลยถูกศาลพิพากษามาแล้วนั้นหนักเบาเพียงไร เพื่อศาลจะได้ใช้ดุลยพินิจว่าสมควรจะลงโทษกักกันจำเลยหรือไม่ เมื่อโจทก์ระบุไม่ได้สืบพยานหรือระบุอ้างคดีตามที่กล่าวในฟ้องเป็นพยานแต่อย่างใดแล้วศาลหามีหน้าที่จะไปตรวจเอาเองจากสำนวนในศาลไม่ เหตุนี้จึงยังลงโทษฐานกักกันจำเลยไม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๔๙๘ เวลากลางคืนจำเลยบังอาจเข้าไปลักทรัพย์ในกุฏิของพระภิกษุฮอมอันเป็นเคหะสถานที่อยู่อาศัยไปรวมราคา ๓๕ บาท เหตุเกิดที่ตำบลสวนคอก อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องโทษจำคุกฐานลักทรัพย์อันมิใช่ความผิดฐานประมาทหรือลหุโทษมาแล้ว ๒ ครั้งดังปรากฏตามคดีดำของศลจังหวัดลำปางที่ ๑๒๗๓/๒๔๙๖ และคดีแดงที่ ๙๐๔/๒๔๙๗ จำเลยพ้นโทษแล้วกลับมากระทำผิดคดีนี้ซึ่งเป็นความผิดอาญาอันเป็นเหตุร้าย จึงขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.อาญา ม.๒๙๓,๒๙๔,๗๒ เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแล้วลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ.๒๔๗๘ ม.๘,๙ ด้วย
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง และรับว่าเคยต้องโทษมาแล้ว ๒ ครั้งตามฟ้องจริง
โจทก์จำเลยไม่สืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ก.ม.อาญา ม.๒๙๓,๒๙๔ ให้จำคุก ๑๘ เดือน เพิ่มโทษตาม ม.๗๒ และลดกึ่งหนึ่งตาม ม.๕๙ คงจำคุกจำเลย ๑๒ เดือน ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยเคยต้องโทษมา ๒ ครั้งนั้นไม่ปรากฏว่าหนักเบาแค่ไหนจึงยังไม่เห็นสมควรกักกันตามโจทก์ขอ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาต่อมาซึ่งมีผู้พิพากษาผู้พิจารณาคดีนี้ในศาลชั้นต้นนายหนึ่งรับรองให้ฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาตรวจปรึกษาแล้วเห็นว่าเมื่อคดีนี้โจทก์ขอให้ศาลลงโทษกักกันจำเลยตาม พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายโดยอ้างว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาแล้วเช่นนี้ตามกระบวนพิจารณาย่อมตกเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องสืบแสดงให้เห็นว่าโทษที่จำเลยถูกศาลพิพากษามาแล้วนั้นหนักเบาเพียงไรเพื่อศาลจะได้ใช้ดุลยพินิจว่าสมควรจะลงโทษกักกันจำเลยหรือไม่ แต่คดีนี้โจทก์ไม่ได้สืบหรือระบุอ้างคดีตามที่กล่าวในฟ้องเป็นพยานแต่อย่างไรศาล++มีหน้าที่จะไปตรวจดูเอาเองดังที่โจทก์อ้างมาในฎีกาไม่ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืน.

Share