คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3653/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

หนังสือมอบอำนาจของโจทก์ระบุมอบอำนาจให้ ป. เป็นโจทก์และดำเนินคดียื่นฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่ง แต่ปรากฏว่าหนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องขอให้จำเลยล้มละลายนั้น เป็นหนี้ตามคำพิพากษาของศาลแพ่ง โดยโจทก์ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งสามัญมาแล้ว โจทก์ไม่มีความจำเป็นต้องฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งสามัญอีก คดีล้มละลายถือเป็นส่วนหนึ่งของคดีแพ่งแม้โจทก์จะมิได้ระบุให้ชัดแจ้งว่ามอบอำนาจให้ฟ้องคดีล้มละลายก็น่าจะหมายถึงให้ฟ้องคดีล้มละลายได้ และการยื่นฟ้องขอให้ล้มละลาย ต้องยื่นต่อศาลซึ่งลูกหนี้มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 150โจทก์จึงมีอำนาจยื่นฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายต่อศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยล้มละลาย
จำเลยให้การว่า ตามหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดี โจทก์มิได้มอบอำนาจให้นายประเสริฐ โลหภาษัย เป็นผู้มีอำนาจฟ้องและดำเนินคดีกับจำเลยต่อศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา คำฟ้องจึงไม่สมบูรณ์ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งไม่มีผลผูกพันโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 23497/2536 ของศาลแพ่งซึ่งพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 191,250 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2534 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หลังจากศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้ว จำเลยไม่ชำระหนี้และไม่มีทรัพย์สินพอที่จะชำระให้โจทก์ โจทก์ได้มอบอำนาจให้นายประเสริฐ โลหภาษัย ดำเนินคดีแทน ปรากฏตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.2 มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า ตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.2 ระบุว่าเป็นโจทก์และดำเนินคดียื่นฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่ง หาได้มีข้อความว่ามอบอำนาจให้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา เห็นว่า ตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.2มีข้อความว่า โจทก์ขอมอบอำนาจให้นายประเสริฐ โลหภาษัย เป็นผู้มีอำนาจเป็นโจทก์และดำเนินคดียื่นฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่ง ปรากฏว่าหนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องขอให้จำเลยล้มละลายนั้น เป็นหนี้ตามคำพิพากษาของศาลแพ่ง โดยโจทก์ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งสามัญมาแล้ว โจทก์ไม่มีความจำเป็นต้องฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งสามัญอีกสำหรับคดีล้มละลายก็เป็นส่วนหนึ่งของคดีแพ่ง แม้โจทก์จะมิได้ระบุให้ชัดแจ้งว่ามอบอำนาจให้ฟ้องคดีล้มละลายก็น่าจะหมายถึงให้ฟ้องคดีล้มละลายได้ และการยื่นฟ้องขอให้ล้มละลายต้องยื่นต่อศาลซึ่งลูกหนี้มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 150 โจทก์จึงมีอำนาจยื่นฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายต่อศาลจังหวัดฉะเชิงเทราซึ่งเป็นศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ได้ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้นชอบแล้วฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share